สทนช. เร่งหน่วยงานด้านน้ำคลอดแผนปฏิบัติการรองรับฤดูฝน เตรียมรับมือ “ลานีญา” คาดฝนตกหนัก มิ.ย. – ส.ค. 67

สทนช. มั่นใจ 10 มาตรการรับมือฤดูฝน ปี 2567 รับมือสถานการณ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพและเห็นผลเป็นรูปธรรมเร่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนปฏิบัติการภายใต้มาตรการรับมือฤดูฝน ปี 2567 และรายงานผลทุกวันที่ 5 ของเดือน เผยสภาวะลานีญาจะเด่นชัดช่วงเดือนมิถุนายน – สิงหาคม 2567 คาดฝนจะตกหนักสูงกว่าค่าเฉลี่ย

          ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เปิดเผยว่า ภายหลังจากคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) ซึ่งมี นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ได้มีมติเห็นชอบ 10 มาตรการรับมือฤดูฝน ปี 2567 และโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำในช่วงฤดูฝน ปี 2567 และการกักเก็บน้ำเพื่อฤดูแล้ง ปี 2567/2568 เมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2567 ที่ผ่านมา และเตรียมนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อรับทราบนั้น ระหว่างนี้ สทนช. ได้เร่งรัดให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนปฏิบัติการภายใต้มาตรการรับมือฤดูฝน ปี 2567 พร้อมทั้งรายงานผลการดำเนินการตามแผนปฏิบัติการดังกล่าว ให้ สทนช. ทุกวันที่ 5 ของเดือน โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 5 พฤษภาคม 2567 เป็นต้นไปจนกว่าจะสิ้นสุดฤดูฝน เพื่อให้การขับเคลื่อนมาตรการเป็นไปตามแผนและเกิดประสิทธิภาพสูงสุด

          ทั้งนี้ จากการติดตามสถานการณ์น้ำและสภาพอากาศคาดว่า ในช่วงต้นฤดูฝน ณ วันที่ 1 พฤษภาคม 2567 อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่จะมีปริมาณน้ำใช้การทั้งประเทศประมาณ 16,570 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 35 ซึ่งใกล้เคียงกับปี 2566 ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ขณะนี้สภาวะเอลนีโญได้อ่อนกำลังลงและจะเปลี่ยนไปสู่สภาวะลานีญาในช่วงเดือนมิถุนายน – สิงหาคม 2567 ซึ่งจะทำให้เกิดฝนตกมากกว่าค่าเฉลี่ย โดยฝนจะเริ่มตกตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2567 และจะตกเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในเดือนกันยายน 2567 ซึ่งจะมีฝนเฉลี่ยสูงถึง 263 มิลลิเมตร ดังนั้น สทนช. จึงให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมความพร้อมเครื่องมือและอุปกรณ์ในการปฏิบัติงาน พร้อมทั้งจัดทำแผนปฏิบัติการภายใต้มาตรการดังกล่าวอย่างเร่งด่วน เพื่อรองรับสถานการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้น ซึ่งเป็นการทำงานในเชิงรุกเพื่อเป็นการป้องกันก่อนเกิดภัย ช่วยบรรเทาความเดือดร้อนและลดความเสียหายให้กับประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

          เลขาธิการ สทนช. กล่าวต่อว่า 10 มาตรการรับมือฤดูฝน ปี 2567 มาจากการถอดบทเรียนมาตรการรับมือฤดูฝนในปีที่ผ่านมาร่วมกับทุกภาคส่วน ผนวกกับการรวบรวมข้อมูลด้านน้ำจากทุกมิติ และสร้างการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วนควบคู่กับการติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิดร่วมกันกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นกรมอุตุนิยมวิทยา สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) (สสน.) กรมชลประทาน กรมทรัพยากรน้ำ เป็นต้น ก่อนที่จะมาวิเคราะห์และจัดทำมาตรการรับมือฤดูฝนที่มีความสมบูรณ์ เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้น ได้ทันต่อสถานการณ์

          สำหรับ 10 มาตรการรับมือฤดูฝนปี 2567 ประกอบด้วย มาตรการที่ 1 คาดการณ์ชี้เป้าและแจ้งเตือนพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมและพื้นที่เสี่ยงช่วงฝนทิ้งช่วง พัฒนาเทคโนโลยีและเครื่องมือที่ทันสมัย เพิ่มความแม่นยำเชิงพื้นที่และช่วงเวลา อันจะนำไปสู่การแจ้งเตือนเหตุทันท่วงที พื้นที่สามารถเตรียมความพร้อมในด้านต่าง ๆ ทั้งเครื่องจักร เครื่องมือ เรือลำเลียง เสบียง ยารักษาโรค เพื่อเข้าให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยได้ทันสถานการณ์ มาตรการที่ 2 ทบทวน ปรับปรุงเกณฑ์บริหารจัดการน้ำ อาคารควบคุมบังคับน้ำอย่างบูรณาการในระบบลุ่มน้ำและกลุ่มลุ่มน้ำโดยมองภาพรวมทั้งลุ่มน้ำ นำสถิติปริมาณฝนในช่วงเวลาที่กำหนดมาคาดการณ์แนวโน้ม ประกอบการตัดสินใจระบายน้ำหรือพร่องน้ำในเขื่อนได้แม่นยำยิ่งขึ้น ลดผลกระทบให้พื้นที่ได้มากกว่าการบริหารจัดการน้ำโดยแยกแต่ละเขื่อนออกจากกัน โดยเฉพาะเมื่อประเทศต้องเจอกับเหตุการณ์ร่องมรสุมพาดผ่าน พายุจร ผลกระทบจากปรากฏการณ์ลานีญา พร้อมทั้งบริหารจัดการพื้นที่ลุ่มต่ำรองรับน้ำหลาก การวางแผนปรับปฏิทินและควบคุมพื้นที่เพาะปลูกพืชฤดูฝนให้เหมาะสมสอดคล้องกับสถานการณ์น้ำปัจจุบัน

          มาตรการที่ 3 เตรียมความพร้อมเครื่องจักร เครื่องมือ อาคารชลศาสตร์ ระบบระบายน้ำ ระบบโทรมาตร บุคลากรประจำพื้นที่เสี่ยง และศูนย์อพยพให้สามารถรองรับสถานการณ์ในช่วงน้ำหลากและฝนทิ้งช่วง มาตรการที่ 4 ตรวจสอบพร้อมติดตามความมั่นคงปลอดภัยของคันกั้นน้ำ ทำนบ พนังกั้นน้ำ โดยจะมีการจัดตั้งคณะทำงานตรวจสอบความมั่นคงปลอดภัยคันกั้นน้ำ ทำนบ พนังกั้น ภายใต้คณะกรรมการลุ่มน้ำ ซึ่งในปีนี้จะดำเนินการสร้างเครือข่ายจากพี่น้องประชาชนช่วยแจ้งเหตุพื้นที่ที่พนังกั้นน้ำมีความเสี่ยงทรุดเสียหายร่วมกับภาครัฐด้วย มาตรการที่ 5 เพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำของทางน้ำอย่างเป็นระบบ โดยจัดทำแผนบูรณาการด้านเครื่องมือ เครื่องจักร สารชีวภัณฑ์ในการกำจัดวัชพืช ผักตบชวา ขยะในลำน้ำ และดำเนินการขุดลอกคูคลอง พร้อมทั้งจัดทำแผนการบริหารจัดการน้ำหลากกรณีต่าง ๆ ในพื้นที่เศรษฐกิจและพื้นที่เปราะบาง

          มาตรการที่ 6 ซักซ้อมแผนเผชิญเหตุ ตั้งศูนย์ล่วงหน้าก่อนเกิดภัย และฟื้นฟูสภาพให้กลับสู่สภาพปกติ โดยบูรณาการจัดทำแผนปฏิบัติการร่วมกับแผนป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยในระดับชาติและระดับพื้นที่ มาตรการที่ 7       เร่งพัฒนาและเก็บกักน้ำในแหล่งน้ำทุกประเภทช่วงปลายฤดูฝน โดยกักเก็บน้ำส่วนเกินไปเก็บไว้ในลำน้ำและแหล่งน้ำทุกประเภท พร้อมทั้งพัฒนาแหล่งน้ำผิวดินและน้ำใต้ดินเพิ่มขึ้น เพื่อสำรองไว้ใช้ในช่วงฤดูแล้งถัดไป มาตรการที่ 8 สร้างความเข้มแข็งเครือข่ายภาคประชาชน ในการให้ข้อมูลสถานการณ์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพแจ้งเตือน และสร้างการตระหนักรู้ให้กับภาคประชาชน พร้อมทั้งการเตรียมซ้อมรับมือกับสถานการณ์ฝนตกหนักและน้ำป่าไหลหลาก มาตรการที่ 9 สร้างการรับรู้ศูนย์บริการข้อมูลสถานการณ์น้ำและประชาสัมพันธ์ ด้วยการจัดตั้งศูนย์บริการข้อมูลสถานการณ์น้ำและดินโคลนถล่มในพื้นที่เสี่ยง โดยจะต้องสร้างการรับรู้ที่เข้าใจง่าย เช่น การใช้ภาษาท้องถิ่น และ มาตรการที่ 10   ติดตามประเมินผล ปรับมาตรการให้สอดคล้องกับสถานการณ์ภัยที่เกิดขึ้นจริง

          “สทนช. ได้เน้นย้ำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องปฏิบัติตาม 10 มาตรการรับมือฤดูฝน ปี 2567 ตามความเหมาะสมของพื้นที่อย่างเคร่งครัด เพราะนอกจากจะบรรเทาภัย แก้ไขปัญหาได้แม่นยำ ลดความสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สิน รวมทั้งเป็นการช่วยประหยัดงบประมาณแผ่นดินแล้ว ยังจะช่วยให้การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำในระยะสั้นและระยะยาวเกิดประสิทธิภาพสูงสุดอีกด้วย” เลขาธิการ สทนช. กล่าวทิ้งท้าย

———————–