รองหัวหน้าพรรคกล้า เปิดอาชีพ “อินโฟเทนเมนท์” มาแรงหลังโควิด ชี้ธุรกิจไหนไม่ปรับตัวไปไม่รอด ฟันธง ปีหน้ามีเลือกตั้ง เศรษฐกิจไทยดีกว่านี้

ในการเสวนา “ส่องธุรกิจมาแรงแซงทางโค้ง” ทางคลับเฮาส์ และเพจ “กล้าหางาน” เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2564 นายวรวุฒิ อุ่นใจ รองหัวหน้าพรรคกล้า กล่าวว่า จากสถานการณ์โควิดในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ทำให้เกิดเทรนด์อาชีพมาแรง หลายตัว อาทิ การซื้อขายออนไลน์ ,การขายของออนไลน์ด้วย KOL หรือการใช้ผู้มีชื่อเสียงขายของแทนเจ้าของผลิตภัณฑ์, สินค้าที่มาจากกระแสดูแลสุขภาพ, สินค้าต่อเนื่องจากการทำอาหารกินเอง, ระบบขนส่งโลจิสติกส์, การลงทุนในเงินสกุลดิจิทัล รวมไปถึงที่น่าแปลกใจคือ ตลาดหุ้น หุ้นบางตัวแม้ผลประกอบการไม่ดี แต่ราคากลับพุ่งสูงขึ้น ซึ่งเป็นปรากฎการณ์ที่ต้องระวัง เพราะทั้งราคาหุ้นและตลาดคริปโตที่เติบโตอาจเป็นดีมานด์เทียม การขึ้นลงไม่มีเหตุผล เวลาขึ้นอย่าถลำเพราะเวลาลงจะไม่มีแนวต้านทำให้หมดตัวได้ นอกจากนี้ธุรกิจเองก็ต้องปรับตัวเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงของโลกยุคใหม่ด้วย
“จากสถานการณ์โควิดทำให้โลกเปลี่ยนไปเร็วมาก ซึ่งเป็นสัญญานเตือนว่า ธุรกิจไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ถ้าไม่ปรับตัวโอกาสล้มหายตายจากมีสูง พูดง่าย ๆ ในโลกของการทำธุรกิจถ้าเหมือนเดิมคือรอวันตาย เพียงแต่จะมาเร็วหรือช้าขึ้นอยู่กับปัจจัยภายนอกว่าจะบีบรัดตัวแค่ไหน หลายธุรกิจหันมาทำการขายออนไลน์ ที่สามารถช่วยให้คนสายป่านสั้นได้ลืมตาอ้าปากได้ และเชื่อว่าหลังจากนี้การขายแบบ KOL จะผุดขึ้นเป็นดอกเห็ด และหากใครยังไม่เข้าใจวิธีการทำแนะนำว่าให้ดูตัวอย่างการไลฟ์ขายของด้วยเซเล็ปของ เพจ OKOL ซึ่งเป็นเพจของคนทำธุรกิจ ในวันที่ 3-5 ธันวาคม นี้ โดยทางเพจได้เชิญ ศิลปิน ดารา นักร้อง หลายคนมาไลฟ์ขายของให้ดู อยากให้ไปเรียนรู้ด้วยกันว่าเขามีเทคนิคอย่างไรให้ขายของได้ โดยไม่ต้องแต่งตัวโป๊ พูดคำหยาบ แต่มีคนติดตามมากมาย ซึ่งผมขอเรียกอาชีพนี้ว่าเป็น Infotainment (อินโฟเทนเมนท์) คือผู้ที่ให้รายละเอียดสินค้าแทรกความบันเทิง ซึ่งจะเป็นอาชีพที่มาแรงนับจากนี้เป็นต้นไป ”นายวรวุฒิ กล่าว
ต่อข้อถามที่ว่า สถานการณ์ เศรษฐกิจ การเมือง ในปีหน้าจะเป็นอย่างไร รองหัวหน้าพรรคกล้า กล่าวว่า เชื่อว่าเศรษฐกิจปีหน้าจะดีกว่าปีนี้แน่นอน เนื่องจากมีกระแสข่าวว่าจะมีเลือกตั้ง รัฐบาลจะมีโครงการประชานิยมออกมามากมาย เพื่อเป็นการหาเสียงล่วงหน้า แต่ข้อเสียของมันคือ จะทำให้ขีดความสามารถของผู้ประกอบการลดลง เพราะผู้ประกอบการจะรอเงินจากรัฐบาลแต่เพียงอย่างเดียว อย่างไรก็ตามส่วนตัวไม่เห็นด้วยกับแนวคิดประชานิยมโดยการแจกเงิน เหมือนเป็นการหาเสียงโดยใช้เงินภาษีของประชาชน และทุกครั้งที่มีการเลือกตั้ง ก็จะมีเงินสะพัดเป็นแสนล้าน ถ้ามองในแง่ดี ก็จะมีเงินไหลเวียนในระบบเศรษฐกิจมากขึ้น