ARDA จับมือ ม.มหิดล โชว์ 3 งานวิจัยเกษตรยกระดับสุขภาพคนไทย ตอบโจทย์ใช้นวัตกรรมเพิ่มมูลค่าเกษตรไทย ลดนำเข้า เสริมความมั่นคงอาหารและยา

เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2568 ณ ห้องประชุมพิทยา จารุพูนผล ชั้น 5 มหาวิทยาลัยมหิดล วิทยาเขตพญาไท กรุงเทพฯ สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน) หรือ ARDA จับมือมหาวิทยาลัยมหิดล เปิดตัว 3 งานวิจัยเกษตร–สุขภาพ ที่พร้อมต่อยอดสู่การใช้ประโยชน์จริงและเชิงพาณิชย์ ในกิจกรรม ARDA Mini Press @Mahidol University ตั้งแต่ยาชาจากกัญชงไทย อิมมูโนโกลบูลินจากไก่ไข่ ไปจนถึงอาหารทางการแพทย์สัญชาติไทยรายแรกของประเทศ ตอกย้ำบทบาทงานวิจัยไทยในการเสริมความมั่นคงด้านอาหารและยา ลดการพึ่งพาการนำเข้า และขับเคลื่อนเศรษฐกิจสุขภาพอย่างเป็นรูปธรรม

ดร. ทวีศักดิ์ ธนเดโชพล ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร กล่าวว่า ARDA มองงานวิจัยเกษตรไม่ใช่เพียงองค์ความรู้ในห้องปฏิบัติการ แต่คือกลไกเชิงยุทธศาสตร์ในการขับเคลื่อนประเทศ ตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ โดยมุ่งยกระดับงานวิจัยไทยให้ตอบโจทย์นโยบายรัฐบาล ความต้องการของเกษตรกร และความท้าทายในอนาคตอย่างรอบด้าน โดยพร้อมสนับสนุนงานวิจัยที่สามารถต่อยอดสู่การใช้ประโยชน์และเชิงพาณิชย์ เพื่อสร้างผลกระทบเชิงบวกอย่างเป็นรูปธรรมต่อเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และสุขภาพของประชาชนทุกช่วงวัย ซึ่งเชื่อมโยงกับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี แผนแม่บทการวิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ พ.ศ. 2566–2570 และเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) เพื่อเสริมความมั่นคงทางอาหาร เพิ่มมูลค่าผลผลิตเกษตร และยกระดับระบบสุขภาพของประเทศให้มีความปลอดภัยและยั่งยืนในระยะยาว

สำหรับกิจกรรมในวันนี้ ARDA ร่วมกับมหาวิทยาลัยมหิดล ซึ่งเป็นสถาบันชั้นนำด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพ จัดขึ้นเพื่อนำเสนอผลงานวิจัยที่พร้อมต่อยอดสู่การใช้ประโยชน์จริงในระบบสุขภาพและสังคม โดยคัดเลือก 3 ผลงานวิจัยเด่น ที่มีศักยภาพสูงในการขยายผลเชิงพาณิชย์ ได้แก่ นวัตกรรมผลิตสารสกัด “ CBD จากกัญชงไทย” เปิดประตูพืชเศรษฐกิจสู่ยาอนาคต ปฏิวัติการรักษาอาการปวด ช่องปาก –ขากรรไกร ผลเทียบยาแรงแต่ปลอดภัย – ไร้ฤทธิ์เสพติด โดย ศ.ดร.ทพญ. วรานันท์ บัวจีบ หัวหน้าโครงการวิจัยฯ และคณะ งานวิจัยยกระดับ “กัญชงไทย” จากพืชเศรษฐกิจสู่ วัตถุดิบยาแห่งอนาคต คณะวิจัยได้พัฒนาสารสกัด CBD จากกัญชงไทย ที่ไม่มีฤทธิ์เสพติด และต่อยอดเป็นยาทาเฉพาะที่ 2 สูตร ได้แก่ Canalog สำหรับอาการปวดในช่องปาก และ Canacream สำหรับอาการปวดข้อต่อขากรรไกร โดยทั้งสองสูตร ผ่านการทดสอบทางคลินิกแล้ว ให้ผลลดอาการปวด เทียบเท่ายามาตรฐานสากล (gold standard) แต่มีความปลอดภัยสูงกว่า ไม่เสพติด และสามารถผลิตจากวัตถุดิบที่ปลูกได้ในประเทศ

งานวิจัยนี้เปิดทางให้กัญชงไทยก้าวสู่การเป็นวัตถุดิบยาในระบบสุขภาพ และลดการพึ่งพาการนำเข้ายาแก้ปวดจากต่างประเทศอย่างเป็นรูปธรรม งานวิจัยต่อมาเป็นการพัฒนาเทคโนโลยีสกัดสาร อิมมูโนฯ จากไก่ไข่ปลอดเชื้อเฉพาะ ลดต้นทุน 50% ยกระดับการป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า โดย นายชรินทร์ ถาวรคุโณ หัวหน้าโครงการวิจัยฯ และคณะ งานวิจัยนี้พัฒนาเทคโนโลยีการผลิตอิมมูโนโกลบูลินป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าจาก ไก่ไข่ปลอดเชื้อเฉพาะ (SPF) แทนการใช้เลือดม้า โดยเริ่มจากการฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าให้ไก่ที่เลี้ยงในโรงเรือนระบบปิด

จากนั้นนำไข่ที่ได้มาสกัดอิมมูโนโกลบูลินเพื่อนำไปใช้ทางการแพทย์ ผลการผลิตสารกัดจากไก่ไข่ภายใต้โครงการวิจัยสามารถ ลดต้นทุนต่อขวดจาก 700–800 บาท เหลือประมาณ 350 บาท ใช้ไข่เพียง 7 ฟองต่อการผลิต 1 ขวด และสามารถรองรับความต้องการวัคซีนของประเทศที่ประมาณ 100,000 ขวดต่อปี ได้ด้วยไก่เพียง 2,000–4,000 ตัว ช่วยลดการพึ่งพาวัตถุดิบจากสัตว์ขนาดใหญ่ และลดความเสี่ยงจากการขาดแคลนในภาวะวิกฤติ ปัจจุบันโครงการอยู่ในระดับการผลิตเชิงทดลองด้วยไก่ 36 ตัว เลี้ยงในระบบที่ควบคุมเชื้อโรคมากกว่า 30 ชนิด มีกำลังการผลิตประมาณ 1,500 ขวดต่อปี และอยู่ระหว่างการยกระดับโรงเรือนและกระบวนการผลิตสู่มาตรฐานอุตสาหกรรม หากขยายผลได้เต็มศักยภาพ เทคโนโลยีนี้จะช่วยเสริมความมั่นคงทางสุขภาพของประเทศ ลดต้นทุนระบบสาธารณสุข และเปิดโอกาสให้ไทยก้าวสู่ตลาดอิมมูโนโกลบูลินโลกที่มีมูลค่ามากกว่า 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี
งานวิจัยชิ้นสุดท้าย ARDA โชว์อาหารทางการแพทย์สัญชาติไทย รายแรกของประเทศ ลดนำเข้า 300–500 ล้าน เพิ่มมูลค่าข้าว–น้ำนม โดย ผศ.ดร. สุภัทร์ ไชยกุล หัวหน้าโครงการวิจัยฯ และคณะ คณะวิจัยพัฒนาอาหารทางการแพทย์จาก “น้ำนมผสมข้าว” นวัตกรรมจากนักวิจัยไทยรายแรก เพื่อใช้เป็นอาหารพร้อมบริโภคและอาหารทางสายให้อาหาร ที่มีคุณค่าทางโภชนาการครบถ้วนตามมาตรฐานสากล และสามารถทดแทนอาหารทางการแพทย์นำเข้า มูลค่ากว่า 300–500 ล้านบาทต่อปี นวัตกรรมนี้ยกระดับวัตถุดิบเกษตรไทย โดยเพิ่มมูลค่า ข้าวกล้องส่วนเหลือจากการขัดสี จาก 10–20 บาท เป็น 180–200 บาทต่อกิโลกรัม ควบคู่กับการแก้ปัญหาน้ำนมล้นคลัง ด้วยการใช้น้ำนมโคถึง 40% ของส่วนผสมทั้งหมด ปัจจุบันผลิตได้ในระดับอุตสาหกรรม ได้รับการรับรองจาก อย. และจดอนุสิทธิบัตรแล้ว 2 สูตร ได้แก่ สูตรครบถ้วนปราศจากแลคโตส และสูตรน้ำนมปกติที่ใช้ข้าวกล้องเป็นแหล่งคาร์โบไฮเดรตหลัก ผลทดสอบทางคลินิกยืนยัน ค่าดัชนีน้ำตาลต่ำ (GI 20–28) ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลและไขมันในเลือดได้อย่างมีนัยสำคัญ
ขณะนี้ อ.ส.ค. ผลิตและจำหน่ายกว่า 345,600 กล่องต่อปี สร้างรายได้มากกว่า 10 ล้านบาทต่อปี และเพิ่มรายได้ให้เกษตรกรปลูกข้าว อ้อย และโคนม ได้กว่า 725,760 บาทต่อปี เติบโตถึง 600% สะท้อนงานวิจัย ที่เชื่อมเกษตร–สุขภาพ–เศรษฐกิจได้อย่างเป็นรูปธรรม
“ARDA มองว่า มหาวิทยาลัยมหิดล ไม่ใช่แค่แหล่งวิชาการที่ผลิตบุคลากรทางการแพทย์เพียงอย่างเดียว แต่ยังเป็น “พันธมิตรหลัก” ที่ร่วมกันพัฒนาต่อยอดภาคการเกษตรไทยผ่านงานวิจัย สู่การใช้ประโยชน์ของสังคมทั้งสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ เราให้ทุนวิจัยเพราะเรามั่นใจว่างานวิจัยจากที่นี่สามารถขยายผลต่อยอดสร้างผลกระทบเชิงบวกได้จริงในบริบทของสังคมโดยรวม เพราะสำหรับ ARDA งานวิจัยไม่ใช่แค่ทางเลือก แต่คือคำตอบในการแก้ไขปัญหาสังคมและสุขภาพซึ่งต้องได้รับการพัฒนาต่อยอดอย่างเหมาะสม” นายทวีศักดิ์ ฯ กล่าว
รองศาสตราจารย์ ดร.สราวุธ เทพานนท์ คณบดีคณะสาธารณสุขศาสตร์ กล่าวว่า มหาวิทยาลัยมหิดลขอขอบคุณสำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร หรือ ARDA ที่ให้ความไว้วางใจและสนับสนุนทุนวิจัยอย่างต่อเนื่อง ความร่วมมือนี้สะท้อนวิสัยทัศน์ร่วมกันในการเชื่อมงานวิจัยด้านการเกษตรเข้ากับระบบสุขภาพของประเทศอย่างเป็นรูปธรรม ด้วยศักยภาพของนักวิจัยและโครงสร้างพื้นฐานด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพของมหาวิทยาลัยมหิดล เมื่อได้รับการสนับสนุนจาก ARDA งานวิจัยจึงไม่หยุดอยู่เพียงในห้องปฏิบัติการ แต่สามารถพัฒนาไปสู่การใช้ประโยชน์จริง สร้างผลกระทบเชิงนโยบาย เศรษฐกิจ และคุณภาพชีวิตของประชาชน
ผลงานวิจัยทั้ง 3 เรื่องที่นำเสนอในครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพของงานวิจัยเกษตรไทยที่ก้าวข้ามห้องปฏิบัติการ สู่การใช้ประโยชน์จริงในระบบสุขภาพ และเศรษฐกิจของประเทศ มหาวิทยาลัยมหิดลพร้อมสนับสนุน ARDA เพื่อเป็นหนึ่งในกลไกสำคัญในการเพิ่มมูลค่าเกษตรไทย ลดการพึ่งพาการนำเข้า เสริมความมั่นคงด้านอาหารและยา และยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทยอย่างยั่งยืน
