“รมว.ธรรมนัส” นำ 4 กระทรวง “กษ. ศธ. พม. กก.” ลง 3 จังหวัดชายแดนใต้ มุ่งพัฒนาคุณภาพชีวิตในทุกมิติ
ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ลงพื้นที่ตรวจราชการและรับฟังปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน พร้อมมอบนโยบายและแนวทางปฏิบัติงานเพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาภาคการเกษตรในพื้นที่ โดยมี ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นายอัครา พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นายอรรถกร ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นายอามินทร์ มะยูโซ๊ะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ผู้บริหารกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วม ณ โรงเรียนดรุณศาสน์วิทยา ต.ตะลุบัน อ.สายบุรี จ.ปัตตานี
ร้อยเอก ธรรมนัส กล่าวว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้ความสำคัญกับการยกระดับราคาผลผลิตทางการเกษตร โดยเฉพาะยางพารา ซึ่งเป็นเป็นพืชเศรษฐกิจของภาคใต้ โดยจะมีการส่งเสริมให้ใช้ประโยชน์ภายในประเทศมากขึ้น เช่น การนำยางไปใช้ผลิตยางล้อรถยนต์ แผ่นยางปูพื้น อุปกรณ์กีฬา รวมถึงการขยายตลาดส่งออกไปต่างประเทศ พร้อมกำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลไม่ให้ผู้ประกอบการกดราคายางซึ่งเป็นการเอารัดเอาเปรียบเกษตรกร สำหรับปาล์มน้ำมัน จะมีการประชุมคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ เพื่อพิจารณาแนวทางการรับซื้อปาล์มน้ำมันจากเกษตรกร เพื่อนำไปใช้ในการผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยาน ซึ่งเป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับผลผลิตปาล์มและช่วยสร้างเสถียรภาพราคาภายในประเทศ ด้านปศุสัตว์ กระทรวงเกษตรฯ มีแผนดำเนินการรับซื้อโคเนื้อจากเกษตรกรผ่านโครงการ “คนไทย กินเนื้อโคไทย” โดยกำหนดราคารับซื้อกิโลกรัมละ 80 บาท เพื่อส่งเสริมการตลาดและกระตุ้นการบริโภคเนื้อภายในประเทศ ภาคการประมง มีแผนดำเนินงานในการจำหน่ายเรือประมงที่ออกนอกระบบ เพื่อลดภาระให้กับชาวประมง พร้อมทั้งส่งเสริมการใช้ประโยชน์ทรัพยากรทางทะเลอย่างยั่งยืน ขณะเดียวกันจะผลักดันการพัฒนาสะพานปลา ตลาดประมง และอาหารฮาลาล ให้สามารถส่งออกไปยังตะวันออกกลาง มุ่งสร้างรายได้และโอกาสทางเศรษฐกิจให้กับประชาชนในพื้นที่
จากนั้น รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมคณะ ได้เดินทางไปพบปะประชาชนและมอบนโยบายแก่หน่วยงานในพื้นที่ ณ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี ต.รูสะมิแล อ.เมือง จ.ปัตตานี โดยมุ่งเน้นในเรื่องการบูรณาการขับเคลื่อนการดำเนินงานของจังหวัดปัตตานีให้เป็นหนึ่งเดียวกัน โดยมีการพัฒนาอย่างเป็นรูปธรรมและจับต้องได้ ทั้งในเรื่องการบริหารจัดการน้ำ ซึ่งจังหวัดปัตตานีถือเป็นแหล่งรองรับน้ำของ 3 จังหวัดชายแดนใต้ จึงได้มอบหมายกรมชลประทานเร่งศึกษาโครงการพัฒนาแหล่งน้ำ และสร้างความเข้าใจกับพี่น้องประชาชน เพื่อจัดทำแผนการบริหารจัดการน้ำอย่างเป็นระบบ อีกทั้งยังมุ่งเน้นในเรื่องที่ดินทำกิน การส่งเสริมอาชีพด้านการเกษตร การฟื้นฟูนาร้าง การส่งเสริมอาชีพการทำประมงและปศุสัตว์ การผลักดันราคาปาล์มน้ำและยางพารา เป็นต้น โดยได้มอบหมายผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้นำในการขับเคลื่อนในพื้นที่ และมอบนายอามินทร์ มะยูโซ๊ะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กำกับดูแลในภาพรวม
นอกจากนี้ ยังได้เดินทางไปยังหอประชุมมหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา ต.สะเตง อ.เมือง จ.ยะลา เพื่อพบปะประชาชน และหัวหน้าส่วนราชการ เพื่อมอบแนวทางในการขับเคลื่อนการพัฒนาจังหวัดยะลา พร้อมทั้งรับฟังการนำเสนอสถานการณ์น้ำและแนวทางแก้ไขปัญหาการป้องกันอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดยะลา โดยมอบหมายกรมชลประทานให้จัดตั้งคณะกรรมการเพื่อศึกษาแนวทางบริหารจัดการน้ำในพื้นที่อย่างเป็นระบบ และสร้างความเข้าใจกับพี่น้องประชาชนในพื้นที่ อีกทั้งยังมุ่งพัฒนาในทุกมิติ ทั้งภาคเกษตร ภาคการศึกษา ภาคการท่องเที่ยว และการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนและเกษตรกร
“ตามที่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้ตนกำกับดูแล 3 จังหวัดชายแดนใต้ และได้ฝากให้ดำเนินการตามนโยบาย Quick Win ของรัฐบาล ซึ่งสิ่งสำคัญคือการพัฒนาคุณภาพชีวิตของพี่น้องประชาชน ตนจึงมุ่งมั่นที่จะพัฒนาชายแดนใต้ให้มีความเจริญก้าวหน้าในทุกมิติ ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม การศึกษา ภาคการเกษตร ภาคการท่องเที่ยว และการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่ เพื่อสร้างความมั่นคงทางอาชีพและรายได้ จึงบูรณาการทั้ง 4 กระทรวง ในการขับเคลื่อนในทุกมิติที่จะนำไปสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน และทำให้พี่น้องประชาชนและเกษตรกรมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นต่อไป” รมว.ธรรมนัส กล่าว
