อดีตแม่ทัพภาค2 ชี้เปรี้ยงรัฐบาลอย่าลากยาว 4 ข้อตกลง เหตุกัมพูชาไม่น่าไว้ใจ

นักวิชาการด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศมองข้อตกลง(MOU)สันติภาพกัวลาลัมเปอร์ไทย-กัมพูชา ไทยเสียมากกว่าได้ หลังทรัมป์ตัวกลางหยุดยิง โยงผลประโยชน์ทางการค้ามาบังคับ  อดีตแม่ทัพภาค2 ชี้เปรี้ยงรัฐบาลอย่าลากยาว 4 ข้อตกลง เหตุกัมพูชาไม่น่าไว้ใจ

รศ.ดร.ปณิธาน วัฒนายากร นักวิชาการอิสระด้านรัฐศาสตร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศกล่าวในรายการ”ทันโลกเกษตร”ทางสถานีวิทยุม.ก.ถึงผลกระทบจากการลงนามข้อตกลง(MOU)สันติภาพกัวลาลัมเปอร์ ต่อกรณีพิพาทระหว่างไทย-กัมพูชา โดยระบุว่า การลงนามครั้งนี้เราถูกปิดล้อมพอสมควรเพื่อให้กัมพูชาเข้าไปสู่โต๊ะเจรจา  โดยเรายืนยันมาตลอดว่าเป็นปัญหาของสองประเทศ ถ้าหลายชาติเข้ามาเราจะเสียเปรียบ เพราะกัมพูชามีผลตอบแทนมากกว่าแค่การลงนามในข้อตกลง(MOU)

“หลักการเดิมเราเปลี่ยนไปเลย   การถูกรุมล้อมจากหลาย ๆ ฝ่ายเรามองว่ามันไม่ยุติอย่างเบ็ดเสร็จ อย่างข้อตกลง 4 ข้อ ถ้าไม่ทำจริงจังชัดเจนเราจะไม่เปิดด่านให้ การถอนกำลังเมื่อวานมีการถอนกำลังบางส่วนจะต้องจับดูกันต่อไป การเก็บกู้ระเบิดแนวชายแดน รวมถึงการปราบปราบแก๊งคอลเซนเตอร์ สแกมเมอร์ บ้านสามหลัง บ้านหนองจานที่ได้เริ่มต้นขึ้นในส่วนแรกแต่ก็ยังไม่มีใครไว้ใจกัมพูชา”

รศ.ดร.ปณิธาน กล่าวต่อว่าตามที่หลายฝ่ายมองว่าเราคงไม่ได้เปรียบนัก เพราะเชื่อว่ากัมพูชาคงไม่ถอนกำลังทั้งหมด  ในขณะที่การปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ สแกมเมอร์ ประเทศอื่น ๆ เข้มแข็งกว่าเรามาก ไม่ว่าจะเป็น สหรัฐอเมริกา  สิงคโปร์ที่ยึดทรัพย์หลายพันล้านดอลล่าห์หรือเมียนม่าที่ยิงถล่มตึกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เกาหลีใต้ส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจมากวาดล้าง  ส่วนไทยเรายังไม่ขยับ    แต่ประชาชนก็ยังให้โอกาส

“น่าห่วงที่สุดก็เป็นมาเฟียรัฐคาสิโนกัมพูชาที่มีเครือข่ายอยู่ทั่วประเทศ รวมทั้งประเทศไทยที่หลายฝ่ายชี้เข้ามา ซึ่งเราเป็นทางผ่านและยังเอาเงินเข้ามาฟอก เป็นสิ่งที่เปิดเผยอยู่ในสื่อต่างประเทศอยู่แล้ว”   

นักวิชาการฯคนเดิมย้ำว่าการลงนามข้อตกลงครั้งนี้เหมือนเราตกหลุมพราง ซึ่งหลายฝ่ายเชื่ออย่างนั้น ก็ไม่อาจปฏิเสธได้ เพราะทั้ง 11 ชาติอาเซียนไม่สามารถต้านทานสหรัฐได้ โดยเฉพาะเวียดนามกับไทยที่ได้เปรียบดูลการค้าหลายหมื่นหลายแสนล้าน สิ่งที่ทำได้ต่อไปต้องลดพึ่งพาเขาให้มากขึ้น

“จริงๆ การปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ สแกมเมอร์กัมพูชาสามารถทำได้เลยในบ้านเรา ถ้ารัฐบาลดำเนินการที่เข้มแข็งมากกว่านี้” รศ.ดร.ปณิธาน วัฒนายากรกล่าวย้ำ

ขณะที่ พล.ท.กนก เนตระคเวสนะ อดีตรองแม่ทัพภาคที่2 กล่าวเสริมว่าข้อตกลงสันติภาพระหว่างไทย-กัมพูชาที่กัวลาลัมเปอร์จะไม่มีความหมายใด ๆ หากไม่มีมาตรการบังคับที่ชัดเจน เขาก็จะละเมิดเช่นเดิมเหมือนที่ผ่าน ๆ มา   

“จริงๆแล้ว เราไม่คิดจะให้จบนะ ที่พูดอย่างนี้ก็เพราะว่าถ้าทำทีละเรื่องมันไม่จบ ถอนอาวุธใช้เวลา 20 วัน  ทุ่นระเบิดก็ยังไม่คุยกันว่าจะทำเมื่อไหร่ทำตรงไหน ทำอย่างไร ถ้าไปหนองจานหนองหญ้าแก้วใช้เวลาอีก 60 วัน แล้วต้องประชุมเจบีซีก่อนไปต่อที่จีบีซี ถ้า 4 ข้อจบถึงจะปล่อยเชลยศึกจะเปิดด่าน ผมถามว่าเมษาปีหน้ามันจะจบไม๊”อดีตรองแม่ทัพภาคที่2 กล่าว

พล.ท.กนก ยังย้ำด้วยว่าตนคิดว่ารัฐบาลไม่ได้มองจะทำให้จบ แต่คนที่ทำให้จบคือทหาร  ซึ่งกองทัพมีคนที่มีความรู้ความสามารถมากมายที่เข้าใจในเชิงยุทธต้องเอาคนพวกนี้มาใช้ให้เป็นประโยชน์   ซึ่งเราต้องรีบทำไม่ใช่เล่นไปตามสถานการณ์แบบนี้

“ที่นายกฯไปเซ็นข้อตกลงที่กัวลาลัมเปอร์ นายกจะรู้หรือไม่  เดี่ยวมันไปพลาดเหมือนที่คุณภูมิธรรมไปเซ็น ทหารเขายังทำไม่เสร็จภารกิจ แต่ดันไปเซ็นสัญญาให้หยุดยิงตอนสองยาม อย่าปล่อยให้กลาโหมคุย ต้องให้ผบ.สูงสุดไปคุยกับนายกฯโดยตรงเลย ปัญหามันถึงจะจบ” อดีตแม่ทัพภาคที่2 ย้ำทิ้งท้าย