ประธาน กมธ.ทรัพยากรฯ วุฒิสภา เปิดห้องประชุมซักเดือด ร่างกฎหมายนิรโทษกรรมคดีรุกป่า 

“ชีวะภาพ ชีวะธรรม” ประธาน กมธ.ทรัพยากรฯ วุฒิสภา เปิดห้องประชุมซักเดือด ร่างกฎหมายนิรโทษกรรมคดีรุกป่า หวั่นเป็นกฎหมายทำลายป่าที่ฟื้นฟูแล้วนับล้านไร่ สูญงบฟื้นฟูป่านับแสนล้าน ชี้เข้าข่ายช่วยนายทุน “เหมืองคลิตี้” ตั้งคำถามตัวโต เขียนมาเพื่อใคร

​เมื่อวันที่ 15 ต.ค.68 นายชีวะภาพ ชีวะธรรม ประธานคณะกรรมาธิการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม วุฒิสภา เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 14 ต.ค.68 ที่ผ่านมา ได้เชิญผู้แทนจาก 5 หน่วยงานหลัก ทั้งศาลฎีกา, อัยการสูงสุด, กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม, กระทรวงยุติธรรม และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เข้าชี้แจงต่อร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ ซึ่งได้รับความเสียหาย หรือได้รับผลกระทบจากการดำเนินการตามนโยบายของรัฐด้านที่ดินและทรัพยากรธรรมชาติ หรือร่างกฎหมายนิรโทษกรรมคดีรุกป่าที่กำลังเป็นที่จับตาของสังคม

นายชีวะภาพ กล่าวว่าทางคณะกรรมาธิการมีข้อกังวลต่อร่างกฎหมายฉบับดังกล่าว ซึ่งอาจนำไปสู่หายนะของทรัพยากรชาติมูลค่านับแสนล้านบาท โดยยกกรณี “เหมืองคลิตี้” ที่ชาวบ้านลุกขึ้นสู้กับนายทุนจนชนะคดี ได้รับเงินเยียวยากว่า 30 ล้านบาท จากการปล่อยสารตะกั่วปนเปื้อนลงแหล่งน้ำ ตามมาตรา 97 ของพ.ร.บ.ส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม ปี 2535 คดีนี้ก็ถือว่าเข้าข่ายจะได้รับการนิรโทษกรรมไปด้วย​”ผมไม่เข้าใจว่าคนเขียนกฎหมาย เอาเรื่องนี้เข้าไปด้วยทำไม หวังที่จะช่วยใคร อย่างไร กลายเป็นว่านายทุนที่ทำชาวบ้านเดือดร้อนจะพ้นผิด แล้วเขาจะกลับมาทำเหมืองอีกหรือไม่? แล้วค่าเสียหาย ค่าฟื้นฟูที่จ่ายไปแล้ว จะต้องเอาไปคืนเขาหรือเปล่า?” นายชีวะภาพกล่าว

นายชีวะภาพ ยังกล่าวว่า ที่ผ่านมาภาครัฐและเอกชนได้ทุ่มงบประมาณหลายหมื่นล้านบาท เพื่อฟื้นฟูผืนป่าที่ถูกบุกรุกตั้งแต่ปี 2557 จนถึงปัจจุบัน จำนวนกว่า 1 ล้านไร่ ตกไร่ละประมาณ 10,000 บาท ซึ่งหากมีกฎหมายนิรโทษกรรมคดีรุกป่า ล้างมลทิน จะหาเงินที่ไหนไปคืนภาคเอกชนที่เขาลงทุนปลูกป่าไปแล้ว คนเขียนกฎหมายเข้าใจเรื่องนี้หรือไม่และที่สำคัญผืนป่ากว่าล้านไร่ที่ฟื้นตัวแล้วมีสิงสาราสัตว์มาอยู่จนกลายเป็นป่าต้นน้ำลำธารไปแล้ว

นอกจากนี้ยังมีความเสียหายภาครัฐ และหากมีคนเข้าไปถากถางทำกินใหม่ ซึ่งมูลค่าความเสียหายภาครัฐ จะตกไร่ละประมาณ 100,000 บาท รวมแล้วจะเกิดความเสียหายนับแสนแสนล้าน หากกฎหมายดังกล่าวมีผลบังคับใช้

​”ถ้าร่างกฎหมายฉบับนี้เข้ามาสู่การพิจารณาของวุฒิสภา ผมจะเตรียมข้อมูลชี้ให้เห็นว่ามีนักการเมืองคนไหนบ้างที่ได้รับผลอานิสงส์ มีบริษัทยักษ์ใหญ่อีกหลายแห่งที่ได้ประโยชน์ ผมหวังว่าผู้เสนอจะตอบได้ว่า หลักการนี้จะช่วยคนจนจริงหรือ เพราะคนจนจริงๆ จะได้ประโยชน์แค่ 10% อีก 90% เป็นนายทุนล้วนๆ!”

นายชีวะภาพย้ำด้วยว่า กฎหมายฉบับนี้ไม่เพียงแต่ย้อนแย้งกับกฎหมายสิ่งแวดล้อมอื่น ๆ แต่ยังอาจทำให้ประเทศไทยต้องสูญเสียทรัพยากรอันล้ำค่า ทั้งชายหาดที่สวยที่สุดในภูเก็ตซึ่งติดอันดับ 7 ของโลก และเหมืองทองที่ดีที่สุดของประเทศ ให้ตกไปอยู่ในมือนายทุนและต่างชาติ