จบหลักสูตร ‘หนีห่าว สนทนาจีนภาษาคนข่าว’ครั้งที่2 เสริมแกร่งสื่อไทย

DPU–สถาบันขงจื่อเส้นทางสายไหมทางทะเล มอบใบประกาศนียบัตรให้ผู้สื่อข่าว สมาคมผู้สื่อข่าวไทย-จีนที่มาอบรมหลักสูตร ‘หนีห่าว สนทนาจีนภาษาคนข่าว’ เสริมศักยภาพภาษาจีน–สะพานเชื่อมไทย–จีน

เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2568 อาจารย์พูลศักดิ์ ประณุทนรพาล ที่ปรึกษาอธิการบดีอาวุโส มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (DPU) ในฐานะเลขาธิการและกรรมการบริหารสถาบันขงจื่อเส้นทางสายไหมทางทะเล เป็นประธานมอบประกาศนียบัตร “โครงการหนีห่าว สนทนาจีนภาษาคนข่าว” ครั้งที่ 2 ให้กับสื่อมวลชนจาก สมาคมผู้สื่อข่าวไทย-จีน ซึ่งประกอบด้วยสื่อชั้นนำมากมาย ที่เข้ารับการอบรมตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2568 จนถึงเดือนตุลาคม 2568 จำนวน 16 คน ณ ห้องเรียนชั้น 2 สถาบันขงจื่อเส้นทางสายไหมทางทะเล มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์

ซึ่งโครงการอบรมนี้จัดขึ้นร่วมกับสถาบันขงจื่อเส้นทางสายไหมทางทะเล และสมาคมผู้สื่อข่าวไทย-จีน เพื่อยกระดับทักษะการสื่อสารของสื่อมวลชนที่สนใจเรียนรู้ภาษาจีน ตลอดจนร่วมทำกิจกรรมการเรียนรู้วัฒนธรรมและประเพณีของชาวจีนผ่านงานศิลปะต่างๆ โดยมี รศ.เฉิน เวย ผู้อำนวยการสถาบันขงจื่อเส้นทางสายไหมทางทะเล (ฝ่ายจีน), อาจารย์เอกรัตน์ จันทร์รัฐิติกาล ผู้อำนวยการสถาบันขงจื่อเส้นทางสายไหมทางทะเล (ฝ่ายไทย),อาจารย์กอบกิจ ประดิษฐผลพานิช Head of Corporate Communication, Hou Xiaolin  อาจารย์ประจำสถาบันขงจื่อเส้นทางสายไหมทางทะเล, นางสาวสายชล เกียรติกังวาฬไกล กรรมการบริหารสมาคมผู้สื่อข่าวไทย-จีน เข้าร่วมในพิธี

อาจารย์พูลศักดิ์ ประณุทนรพาล ที่ปรึกษาอธิการบดีอาวุโส มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (DPU) ในฐานะเลขาธิการและกรรมการบริหารสถาบันขงจื่อเส้นทางสายไหมทางทะเล เปิดเผยในพิธีปิดการอบรมภาษาจีนสำหรับสื่อมวลชน ว่า รู้สึกชื่นชมความมุ่งมั่นของผู้เข้าอบรมทุกคนที่แบ่งเวลาในตารางงานอันแน่นขนัดมาพัฒนาทักษะภาษาจีนอย่างต่อเนื่อง จนเห็นพัฒนาการที่ชัดเจนตลอดหลักสูตร โดยบทบาทของสถาบันขงจื่อ และ ห้องเรียนขงจื่อ ถือเป็นกลไกการศึกษาภาษาจีนและวัฒนธรรมที่กระจายอยู่ทั่วโลก รวมถึงหลายจังหวัดในประเทศไทย โดยมีพันธกิจหลักคือ “สอนภาษา–เชื่อมวัฒนธรรม–เปิดโลกทัศน์” ร่วมกับสถาบันเจ้าภาพในครั้งนี้ คือมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ สถาบันขงจื่อฯ DPU ครบรอบ 10 ปีในปีนี้ และจะเดินหน้าขยายความร่วมมือเชิงวิชาการและวัฒนธรรมให้กว้างขวางยิ่งขึ้น           

“ภาษาจีนคือทุนคุณภาพของสื่อไทย  เมื่อผู้สื่อข่าวเข้าใจภาษาจีน ก็จะเข้าถึงบริบทจีนได้ลึกขึ้น ตีความข่าวได้แม่นยำขึ้น และเล่าเรื่องประเทศไทยให้ผู้ฟังชาวจีนเข้าใจได้ดีขึ้นไปพร้อมกัน  ภาษาเป็นสะพาน ส่วนสื่อคือผู้พาสังคมก้าวข้ามแม่น้ำแห่งความไม่รู้” อาจารย์พูลศักดิ์ กล่าว

อาจารย์พูลศักดิ์ ยังสะท้อนภาพรวมตลาดแรงงานว่า ความต้องการบุคลากรที่สื่อสารภาษาจีนได้ยังคงสูงมาก โดยเฉพาะในภาคธุรกิจที่ลงทุนในเขตเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมต่าง ๆ ตลอดจนตำแหน่งงานสายบัญชี ธุรกิจ เทคโนโลยี กฎหมาย และสื่อสาร

“เราได้รับการติดต่อจากบริษัทจำนวนมากที่ต้องการคนมีทักษะภาษาจีน นี่คือโอกาสตรงสำหรับผู้เรียนทุกคน หากสั่งสมความรู้และนำไปใช้จริง ย่อมต่อยอดสู่อาชีพได้” อาจารย์พูลศักดิ์ กล่าว

ในมิติความสัมพันธ์ไทย–จีน อาจารย์พูลศักดิ์ กล่าวถึงการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2518 ที่สืบเนื่องยาวนานมาถึงปัจจุบัน ซึ่งปีนี้ครบรอบ 50 ปี หลายสถาบันร่วมจัดกิจกรรมระลึกความสัมพันธ์ “ความเข้าใจซึ่งกันและกันต้องอาศัยการเรียนรู้ทั้งภาษา ประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรม” พร้อมเชิญชวนให้สื่อมวลชนไปเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์และแหล่งเรียนรู้ ศูนย์ประวัติศาสตร์เยาวราช  ซึ่งตั้งอยู่บนชั้น 2 ของพระมหามณฑปวัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร เพื่อสัมผัสรากเหง้าชุมชนไทยเชื้อสายจีนและสายธารความเป็น “พี่น้อง” ของสองประเทศ

อาจารย์พูลศักดิ์ ยังกล่าวถึงการที่หลายหน่วยงานสนับสนุนให้บุคลากรเรียนภาษาจีน ควบคู่กับการสอบวัดระดับ (HSK) ซึ่งหลายคนก้าวหน้าได้ถึงระดับสูง ตลอดจนโอกาสศึกษาดูงานที่จีนซึ่งได้เรียนรู้การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีกับเรื่องต่างๆ เพื่อนำมาปรับใช้ในบริบทไทย พร้อมเชิญชวนให้ทุกคนสานต่อการเรียนรู้อย่างเป็นระบบ ทั้งหลักสูตรระยะสั้น ทุนแลกเปลี่ยน ไปจนถึงระดับปริญญา โดยสถาบันขงจื่อฯ และ DPU พร้อมเป็น “จุดรวมพลัง” ให้คำปรึกษาและเชื่อมโอกาส โดยหวังเห็นทุกคนใช้ภาษาจีนเป็นกุญแจ เปิดประตูความเข้าใจ และทำหน้าที่เป็นสะพานไทย–จีนต่อไป

ด้าน รศ.เฉิน เวย ผู้อำนวยการสถาบันขงจื่อเส้นทางสายไหมทางทะเล (ฝ่ายจีน) กล่าวว่า รู้สึกยินดีที่ได้เข้าร่วมพิธีและเห็นพัฒนาการของผู้เข้าอบรม ซึ่งเกิดขึ้นจากความร่วมมือระหว่างสมาคมผู้สื่อข่าวไทย–จีนกับสถาบันขงจื่อ โดยหลักสูตรนี้จัดต่อเนื่องรวม 12 ครั้ง และเคยจัดมาก่อนหน้าหลายรุ่นแล้ว ผู้เข้าอบรมสามารถสื่อสารภาษาจีนขั้นต้นได้แล้ว ถือเป็นผลลัพธ์ที่น่าชื่นชม

“ขอบคุณสมาคมผู้สื่อข่าวไทย–จีนที่เชื่อถือและเชื่อมั่นในสถาบันขงจื่อฯ พร้อมร่วมมือกันจัดการอบรมครั้งนี้ และเข้าใจดีว่าทุกท่านมีภารกิจงานแน่นทุกสัปดาห์ แต่ยังตั้งใจแบ่งเวลาเพื่อเรียนรู้ภาษาจีน น่าภูมิใจมากค่ะ” รศ.เฉิน กล่าว

รศ.เฉิน ย้ำบทบาทของ “ภาษา” ต่อวิชาชีพสื่อมวลชนไทย โดยมองว่าเป็น “สะพาน” เชื่อมความเข้าใจระหว่างสองสังคม “เมื่อผู้สื่อข่าวไทยเข้าใจภาษาจีน ก็เข้าถึงวัฒนธรรมและสถานการณ์ของจีนได้ลึกซึ้งขึ้น และในขณะเดียวกันก็เล่าเรื่องราวของประเทศไทยให้ชาวจีนเข้าใจได้ดีขึ้นด้วย สื่อมวลชนได้ใช้ ‘กล้อง’ และ ‘ตัวอักษร’ เป็นสื่อเชื่อมโยงสองประเทศเข้าหากัน”

แม้หลักสูตรกำลังสิ้นสุด แต่ รศ.เฉินเน้นว่า “การเรียนรู้ไม่จบลงเพียงเท่านี้” และขอให้ผู้เข้าอบรมนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ในการทำงาน ทำหน้าที่เป็น “ทูตแห่งการแลกเปลี่ยน” ระหว่างประเทศไทยและประเทศจีนต่อไป ทั้งนี้ได้เชิญชวนให้ทุกคนสานต่อการเรียนรู้กับสถาบันขงจื่อเส้นทางสายไหมทางทะเล และที่มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ในโอกาสหน้า เพื่อเป็นแรงบันดาลใจในการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง

ขณะที่นายคัชฑาพงศ์ ลีลาพงศ์ฤทธิ์ ผู้สื่อข่าวผู้เข้าร่วมอบรม โครงการ “หนีห่าว สนทนาจีนภาษาคนข่าว” ครั้งที่ 2 เปิดเผยว่า ขอขอบคุณมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ และสถาบันขงจื่อเส้นทางสายไหมทางทะเล ที่ได้มอบโอกาสอันมีค่าให้กับผู้เรียนทุกคน ซึ่งการเรียนรู้ภาษาจีนนั้นเป็นเสมือนการเปิดประตูสู่โอกาสใหม่ ๆ มากขึ้นในชีวิตและการทำงาน เพราะประเทศจีนในปัจจุบันได้เปลี่ยนแปลงและพัฒนาไปอย่างก้าวกระโดด หากไม่ได้เข้ามาเรียนรู้ภาษาจีน ก็อาจพลาดโอกาสสำคัญในการเข้าถึงวิทยาการ ความรู้ และการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในประเทศจีน

“เมื่อเรามีความสามารถด้านภาษาจีนแล้ว ก็สามารถต่อยอดไปสู่การทำงานร่วมกับหน่วยงานธุรกิจที่สำคัญ ๆ หรือแม้กระทั่งในวงการเทคโนโลยีที่ประเทศจีนมีความก้าวหน้าอย่างมาก ทั้งในด้านดิจิทัลและนวัตกรรมสมัยใหม่ ซึ่งแตกต่างจากในอดีตที่ประเทศไทยยังแทบไม่รู้จักหรือติดต่อกับจีนโดยตรง แต่ปัจจุบันกลับเป็นสิ่งที่จำเป็นต้องเรียนรู้และปรับตัว” นายคัชฑาพงศ์ กล่าวทิ้งท้าย

ทั้งนี้ช่วงท้ายกิจกรรมสื่อมวลชนผู้เข้าอมรมยังได้เรียนรู้การทำขนมไหว้พระจันทร์และร่วมรับประทานอาหารกลางวันกับเหล่าซือและผู้บริหารสถาบันขงจื้อฯด้วย