กยท.หนุนชาวสวนยางที่ยื่นขอโค่นยางฯ ด้วยทุนตนเองไว้แล้ว

กยท.เดินหน้าอนุมัติคำขอ – พร้อมจ่ายเงินส่งเสริมและสนับสนุนกษตรกรชาวสวนยางในการปลูกยางทดแทน หวังลดภาระหนี้สินให้ชาวยาง  พร้อมเร่งรัดจ่ายเงินชดเชยให้เกษตรกรที่ยื่นคำขอฯ ด้วยทุนตนเองไว้แล้วที่ ยอดเงินกว่า 2,800 ล้านบาท ตั้งเป้าให้แล้วเสร็จภายในเดือนกันยายน 2568

            ดร.เพิก เลิศวังพง รักษาการแทนผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย (กยท.)   เปิดเผยว่า   กยท.ได้ดำเนินการปรับปรุงแก้ไขกฎเกณฑ์การจ่ายเงินในการส่งเสริมและสนับสนุนให้ความช่วยเเหลือเกษตรกรชาวสวนยางในการปลูกยางพาราใหม่ทดแทนยางพาราที่มีอายุมาก ตามพระราชบัญญัติการยางแห่งประเทศไทย มาตรา 49(2)  ให้มีความรวดเร็วสามารถจ่ายเงินให้เกษตรกรได้ทันทีที่เกษตรกรชาวสวนยางที่ได้รับอนุมัติจาก กยท. ให้โค่นยางและปลูกแทน จากเดิมที่เกษตรกรต้องยื่นแบบขอโค่นและปลูกแทนด้วยทุนตนเองก่อนได้รับอนุมัติ(แบบ กยท. 4)    ซึ่งจะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายสำหรับการโค่นและปลูกต้นยางใหม่ รวมทั้งยังจะช่วยให้เกษตรกรชาวสวนยางมีเงินทุนหมุนเวียนนำไปบริหารจัดการสวนยางอีกด้วย

            ทั้งนี้ 2-3ปีที่ผ่านมา เกษตรกรที่ขอโค่นและปลูกแทนด้วยทุนตนเองก่อน ยังไม่ได้รับเงินชดเชย   ทำให้เกษตรกรส่วนหนึ่งต้องกู้เงินมาใช้ในการโค่นและปลูกทดแทน สร้างภาระหนี้สินโดยไม่จำเป็น   ทั้งๆที่เงินดังกล่าวเป็นเงินที่จะต้องจ่ายให้เกษตรกรตาม พ.ร.บ.การยางแห่งประเทศไทย มาตรา 49(2)  ที่กำหนดให้นำรายได้จาก เงินค่าธรรมส่งออกยาง(CESS) ไม่เกินร้อยละ 40 มาสนับสนุนส่งเสริมการปลูกยางพาราใหม่ทดแทนยางพาราที่มีอายุมากอยู่แล้ว

            “เมื่อผมเข้ามาบริหาร กยท. ตั้งแต่เป็นประธานบอร์ด กยท. จนมาดำรงตำแหน่งเป็นรักษาการแทนผู้ว่าการ กยท.ในปัจจุบัน  ได้ดำเนินแก้ปัญหาดังกล่าวมาอย่างต่อเนื่องจนประสบผลสำเร็จ พร้อมทั้งยังได้ปรับการทำงานทั้งหมดให้มีความรวดเร็ว หลังจากนี้เป็นต้นไป เกษตรกรชาวสวนยางที่ยื่นขอโค่นและปลูกแทน  หากมีคุณสมบัติและหลักเกณฑ์ตรงตามที่ กยท. กำหนด  จะได้รับเงินสนับสนุนส่งเสริมการปลูกยางพาราใหม่ทดแทนยางพาราที่มีอายุมากตามมาตรา มาตรา 49(2)  ทันทีในอัตราไร่ละ 16,000 บาท  จะไม่ให้เกษตรกรโค่นและปลูกแทนด้วยทุนของตนเองก่อนอีกต่อไป เพื่อลดภาระไม่ซ้ำเติบเกษตรกร โดยเฉพาะเกษตรกรที่ต้องกู้เงินมาลงทุนในการโค่นและปลูกใหม่ ที่จะต้องเสียดอกเบี้ยโดยใช่เหตุ”  รักษาการแทนผู้ว่าการ กยท.กล่าวย้ำ

            ส่วนเกษตรกรชาวสวนยาง ที่ยื่นขอโค่นและปลูกแทนด้วยทุนตนเองก่อนได้รับอนุมัติ (แบบ กยท. 4) ไว้แล้ว มีทั้งหมด 36,283 ราย คิดเป็นพื้นที่รวม 346,685.90 ไร่ ขณะนี้ กยท. ได้อนุมัติงบประมาณปี 2568 จากกองทุนพัฒนายางพารา ตามมาตรา 49(2) วงเงินรวมกว่า 2,860 ล้านบาท เพื่อจ่ายให้เกษตรกรชาวสวนยางที่ยื่นขอโค่นและปลูกแทนด้วยทุนตนเอง ในอัตราไร่ละ  16,000   บาทดังกล่าวแล้ว  โดยเกษตรกรสามารถติดต่อขอรับเงินสนับสนุนได้ที่ กยท. จังหวัด/สาขา ในพื้นที่ใกล้บ้าน ทั้งนี้ กยท. คาดว่า จะสามารถจ่ายเงินให้แล้วเสร็จทั้งหมดภายในเดือนกันยายน 2568 นี้อย่างแน่นอน

            สำหรับเกษตรกรชาวสวนยางที่จะขอรับการส่งเสริมและสนับสนุนในการปลูกแทน  จะต้องมีคุณสมบัติและหลักเกณฑ์ตามที่ กยท.กำหนดไว้คือ    จะต้องเป็นเกษตรผู้ขึ้นทะเบียนไว้กับ กยท. ในฐานะเป็นเจ้าของสวนยาง    มีสวนยางไม่น้อยกว่า 2 ไร่ แต่ละไร่จะต้อปลูกต้นยางไม่น้อยกว่า 10 ต้น โดยเฉลี่ยไม่น้อยกว่าไร่ละ 25 ต้น และเป็นต้นยางอายุกว่า 25 ปี ขึ้นไป หรือต้นยางทรุดโทรมเสียหาย หรือต้นยางได้ผลน้อยตามหลักเกณฑ์ที่ กยท.กำหนด  นอกจากนี้จะต้องไม่เป็นที่ดินหวงห้ามของทางราชการ หรืออยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ หรือเขตอุทยานแห่งชาติ หรือป่าที่ ตามมติคณะรัฐมนตรี กำหนดไว้ให้เป็นป่าถาวรอันเป็นสมบัติของชาติ เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากหน่วยราชการผู้รับผิดชอบให้เป็น ผู้มีสิทธิทำกิน หรือได้รับอนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ หรืออยู่อาศัยในเขตป่าสงวนแห่งชาติเป็นการชั่วคราว เพื่อการทำสวนยาง

            ทั้งนี้เกษตรกรที่มีคุณสมบัติและผ่านหลักเกณฑ์ที่ กยท.กำหนด        สามารถยื่นแบบขอรับการส่งเสริมและสนับสนุนการโค่นและปลูกแทน  ได้ที่ กยท. จังหวัด/สาขา ในพื้นที่ใกล้บ้าน ซึ่งเจ้าหน้าที่ของ กยท. จะทำการสำรวจ รังวัดที่ดิน โดยทันทีที่ กยท. อนุมัติคำขอแล้ว จะแจ้งผลให้เกษตรกรเจ้าของสวนยางทราบ พร้อมทั้งนัดเกษตรกรเจ้าของสวนยางประชุมชี้แจงขั้นตอนการปลูกแทน ทำสัญญา และรับหนังสือประจำตัวผู้ได้รับการส่งเสริมและสนับสนุนให้มีการปลูกแทน โดยจะได้รับการส่งเสริมและสนับสนุนให้มีการปลูกแทนไร่ละ 16,000 บาท  ซึ่งเกษตรกรสามารถเลือกรูปแบบการปลูกแทนได้ 3 แบบ  คือ แบบแรก เป็นปลูกแทนด้วยยางพันธุ์ดี  แบบที่ 2  ปลูกแทนด้วยไม้ยืนต้นที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจ  และแบบที่ 3 ปลูกแทนแบบสวนยางยั่งยืน ซึ่งจะเป็นการปลูกยางผสมผสานร่วมกับกิจกรรมอื่น