ขับเคลื่อนแบตเตอรี่อย่างปลอดภัยและยั่งยืนในภูมิภาค

การประชุมเทคโนโลยีแบตเตอรี่แห่งอาเซียน ครั้งที่ 3 (ABTC) ได้ปิดฉากลงอย่างยิ่งใหญ่เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2568 ที่ผ่านมา โดยการประชุมครั้งนี้จัดขึ้นภายใต้บรรยากาศที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมของจังหวัดภูเก็ต ตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นของอาเซียนในด้านนวัตกรรมและความยั่งยืน งานนี้จัดขึ้นเป็นเวลาสามวันโดยสมาคมเทคโนโลยีระบบกักเก็บพลังงานไทย (TESTA) ร่วมกับอีก 5 องค์กรชั้นนำด้านแบตเตอรี่และยานยนต์ไฟฟ้าในอาเซียน ได้แก่ Singapore Battery Consortium (SBC) ประเทศสิงคโปร์ NanoMalaysia ประเทศมาเลเซีย Electric Vehicle Association of Philippines (eVAP) ประเทศฟิลิปปินส์ National Battery Research Institute (NBRI) และ National Center for Sustainable Transport Technology (NCSTT) ประเทศอินโดนีเซีย

การประชุมในครั้งนี้มีผู้เข้าร่วมงานกว่า 340 คนจาก 20 ประเทศทั่วโลก รวมถึงนายสมาวิษฎ์ สุพรรณไพ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต และวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิ เช่น ศาสตราจารย์ สแตนลีย์ วิตติงแฮม ผู้ได้รางวัลโนเบล สาขาเคมีปี 2562 และ ศาสตราจารย์เชอร์ลีย์ เหมง จากห้องปฏิบัติการแห่งชาติอาร์กอนน์ มหาวิทยาลัยชิคาโกพร้อมด้วยสถาบันชั้นนำของภูมิภาคอย่าง NCSTT (อินโดนีเซีย), นาโนมาเลเซีย (NanoMalaysia) และ Singapore Battery Consortium (SBC) รวมถึงผู้เชี่ยวชาญในด้านต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาคการศึกษา หน่วยงานรัฐ และภาคเอกชน
หัวข้อหลักของการประชุมในครั้งนี้ เน้นในด้านของความปลอดภัย การจัดหาแหล่งเงินทุน และการเติบโตของเทคโนโลยีระบบกักเก็บพลังงานในอนาคต ช่วงเสวนาโดยผู้นำอุตสาหกรรมและนักวิจัย ได้ร่วมแลกเปลี่ยนในเรื่องความก้าวหน้าและนวัตกรรมล่าสุด กลยุทธ์ในการสร้างห่วงโซ่อุปทานของแบตเตอรี่อย่างยั่งยืน รวมถึงการลงทุนในเทคโนโลยีแบตเตอรี่รุ่นใหม่เพื่อเร่งการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาดในอาเซียน งานแสดงนิทรรศการ นำเสนอผลิตภัณฑ์ของบริษัทและกิจกรรมภายในงาน นอกจากนั้นแล้วงานประชุมนี้ยังเป็นเวทีสำหรับการนำเสนอนวัตกรรม และการสานต่อความร่วมมือในอนาคต

ดร.พิมพา ลิ้มทองกุล นายกสมาคม TESTA กล่าวว่า “การประชุมในปีนี้แสดงให้เห็นว่าอาเซียนมีความพร้อมที่จะก้าวขึ้นเป็นผู้นำในการสร้างระบบนิเวศที่ยั่งยืนของอุตสาหกรรมแบตเตอรี่ ด้วยปณิธานร่วมกันของผู้ประกอบการในภาคอุตสาหกรรม ศูนย์วิจัย และหน่วยงานภาครัฐ เราไม่เพียงจะเป็นผู้ใช้เทคโนโลยีอย่างเดียว แต่เราจะเป็นผู้ร่วมกำหนดอนาคตของเทคโนโลยีแบตเตอรี่อีกด้วย”
ดร.ซิง ยาง เชียม (Sing Yang Chiam) ผู้อำนวยการด้านเทคนิค SBC และตัวแทนเครือข่ายความปลอดภัยแบตเตอรี่อาเซียน (ASEAN Battery Safety Network: ABSN) กล่าวว่า “ความปลอดภัยยังคงเป็นหัวใจหลักของนวัตกรรม เมื่อมีการใช้งานแบตเตอรี่เพิ่มขึ้น เราต้องมั่นใจในประสิทธิภาพและความปลอดภัย ในงานประชุมในครั้งนี้แสดงให้เห็นว่าอาเซียนมีศักยภาพในการเป็นผู้นำสำหรับความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อขับเคลื่อนความร่วมมือด้านความปลอดภัยของแบตเตอรี่
ดร.เรซัล ไครี บิน อาห์เหม็ด ซีอีโอ นาโนมาเลเซีย กล่าวว่า “ความร่วมมือระหว่างประเทศเป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนความก้าวหน้าของอุตสาหกรรม ตั้งแต่ห่วงโซ่คุณค่าแบบหมุนเวียนจนถึงกรอบที่เกี่ยวข้องกับการเงิน งาน ABTC 2025 ในครั้งนี้เป็นแบบอย่างที่ดีที่แสดงให้เห็นถึงความร่วมมือของอาเซียนเพื่อปลดล็อกโอกาสในอุตสาหกรรมแบตเตอรี่ระดับโลก”
- ปาฐกถาในที่ประชุมใหญ่เกี่ยวกับระบบกักเก็บพลังงานแบบใหม่ในรูปแบบ Metal-Air โดย ศาสตราจารย์ เย็ท มิง เชียง (MIT)
- การนำเสนอเกี่ยวกับความเข้าใจ ประสิทธิภาพ และความปลอดภัยของแบตเตอรี่แบบไม่มีขั้วแอโนดโดยศาสตราจารย์เชอร์ลีย์ เหมง จากห้องปฏิบัติการแห่งชาติอาร์กอนน์ มหาวิทยาลัยชิคาโก
- การกล่าวเปิดงาน “มุ่งสู่ห่วงโซ่คุณค่าแบบหมุนเวียนสำหรับแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน” (“Towards a Circular Value Chain for Lithium-ion Batteries”) โดย เคลวิน ชาน (Kelvin Chan) ผู้อำนวยการศูนย์แบตเตอรี่ A*STAR ประเทศสิงคโปร์
- เสวนาโต๊ะกลมในเรื่อง “บทบาทของการหมุนเวียนและ ตั๋วควบคุมการใช้งานแบตเตอรี่(battery passports)ในการเสริมสร้างห่วงโซ่อุปทานของวัสดุ ความร่วมมือระดับภูมิภาคในการสับเปลี่ยนแบตเตอรี่สำหรับยานยนต์ไฟฟ้า และกลยุทธ์ทางการเงินเพื่อส่งเสริมการเติบโตของอุตสาหกรรมแบตเตอรี่
- การประชุมเกี่ยวกับแนวโน้มและโอกาสในห่วงโซ่คุณค่าของแบตเตอรี่ของอาเซียนในตลาดโลก
พิธีลงนามบันทึกความเข้าใจ (MoU)
นอกจากนี้ ยังได้มีพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจ (MoU) ที่สำคัญ 5 ฉบับ เพื่อเสริมสร้างความเป็นพันธมิตร และความร่วมมือระหว่างประเทศ ได้แก่:
- Amphenol – ภาคีเครือข่ายความร่วมมือการพัฒนาอุตสาหกรรมแบตเตอรี่มาตรฐานแบบสับเปลี่ยนได้สำหรับยานยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็ก (Swap2Gether): ความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ด้านการพัฒนาและใช้ชิ้นส่วนสำคัญสำหรับแบตเตอรี่มาตรฐานแบบสับเปลี่ยนได้ในยานยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็ก ระหว่าง Amphenol Communications Solutions และ ภาคีเครือข่ายความร่วมมือการพัฒนาอุตสาหกรรมแบตเตอรี่มาตรฐานแบบสับเปลี่ยนได้สำหรับยานยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็ก ประเทศไทย (Swap2Gether)
- ความร่วมมือด้านการติดตั้งระบบกักเก็บพลังงานไฟฟ้า (BESS) ระดับกริดในอาเซียน: ความร่วมมือระหว่าง Singamas Container Holdings Limited และ Zhejiang Narada Power Source เพื่อขยายความร่วมมือด้านการพัฒนาและการติดตั้งระบบกักเก็บพลังงานไฟฟ้า (BESS) ระดับกริดทั่วอาเซียน โดยผสานรวมเทคโนโลยีแบตเตอรี่ลิเทียมไอออน และความเชี่ยวชาญด้านโซลูชันในการออกแบบและติดตั้งระบบ BESS เพื่อเพิ่มความเชื่อถือได้ ประสิทธิภาพด้านความปลอดภัย และเสถียรภาพของกริด
- พันธมิตรเชิงกลยุทธ์เพื่อยกระดับโครงสร้างพื้นฐานยูโร-กริด – ความร่วมมือในการจัดตั้งแพลตฟอร์ม Sineuro: เป็นแพลตฟอร์มที่ผสานนวัตกรรมจากเอเชียและความเชี่ยวชาญจากยุโรปเพื่อร่วมกันพัฒนาโซลูชันการกักเก็บพลังงานอัจฉริยะบนแอปพลิเคชัน โดยมุ่งเป้าไปที่การขยายโครงสร้างพื้นฐานที่ยั่งยืน และเร่งการเปลี่ยนผ่านพลังงานสะอาดของยุโรป พันธมิตรที่ร่วมมือในโครงการนี้ ประกอบด้วย NextGEN Energy, Sineng Electric, Green Tenaga และ Half Bridge Automation
- ข้อตกลงความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ระหว่าง Hytzer Energy และ INV Corporation: ความร่วมมือระหว่าง Hytzer Energy และ INV Corporation เพื่อร่วมกันพัฒนาและนำเทคโนโลยีแบตเตอรี่โซลิดสเตต (solid-state) ออกสู่เชิงพาณิชย์ โดยทั้งสองฝ่ายมุ่งมั่นที่จะใช้ประโยชน์จากความเชี่ยวชาญและทรัพยากรร่วมกัน เพื่อขับเคลื่อนนวัตกรรมโซลูชันแบตเตอรี่ที่ปลอดภัยยิ่งขึ้น และมีความจุสูงขึ้น ซึ่งส่งเสริมนโยบายการเปลี่ยนผ่านพลังงานในการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) เพื่ออนาคตที่ยั่งยืน
- NBRI และ NMB – เสริมสร้างนวัตกรรมแบตเตอรี่ระดับภูมิภาค: ความร่วมมือระหว่าง NBRI และ NanoMalaysia เพื่อพัฒนาระบบนิเวศแบตเตอรี่ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ภายใต้กรอบความร่วมมือด้านการถ่ายทอดเทคโนโลยี การวิจัยและนวัตกรรม การทดสอบและการกำหนดมาตรฐาน รวมถึงการศึกษาและการฝึกอบรมภาคอุตสาหกรรม
ประกาศกลยุทธ์สำคัญ
- เปิดตัวรายงานการศึกษาภูมิทัศน์และระบบนิเวศแบตเตอรี่ในอาเซียน:
รายงานการศึกษาเรื่อง การขับเคลื่อนทิศทางของอุตสาหกรรมแบตเตอรี่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และภูมิภาคอื่นๆ (Navigating the Battery-Related Landscape in Southeast Asia and Beyond) ซึ่งเป็นการทำงานร่วมกันของ TESTA, SBC, NanoMalaysia, NBRI, NCSTT และ Commonwealth Scientific and Industrial Research and Organization (CSRIO) ประเทศออสเตรเลีย เป็นรายงานที่รวบรวมและนำเสนอข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับระบบนิเวศของอุตสาหกรรมแบตเตอรี่ ยานยนต์ไฟฟ้า และระบบกักเก็บพลังงานที่กำลังพัฒนาอย่างรวดเร็วของภูมิภาค นอกจากนี้ ยังมุ่งเน้นการวิเคราะห์เชิงลึกทั้งในด้านอุตสาหกรรมการผลิตแบตเตอรี่ การพัฒนายานยนต์ไฟฟ้า และการประยุกต์ใช้ระบบกักเก็บพลังงานในระดับภูมิภาค โดยขอบเขตการศึกษาครอบคลุมทั้งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และออสเตรเลีย เพื่อนำเสนอทิศทาง แนวโน้ม และประเด็นเชิงกลยุทธ์ที่มีนัยสำคัญต่อการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมในอนาคต โดยหัวข้อของรายงาน ประกอบด้วย 1) ห่วงโซ่คุณค่าและระบบนิเวศแบตเตอรี่ 2) สถานะปัจจุบันและแนวโน้มในอนาคตของตลาดแบตเตอรี่ ยานยนต์ไฟฟ้า และระบบกักเก็บพลังงาน (BESS) 3) มาตรฐาน นโยบาย และการพัฒนากฎระเบียบสำหรับการใช้งานยานยนต์ไฟฟ้าและ BESS 4) การจัดการแบตเตอรี่หลังสิ้นอายุการใช้งาน และ 5) โครงสร้างพื้นฐานสนับสนุนการพัฒนาทางเทคโนโลยีและนวัตกรรมในภูมิภาคอาเซียน
- การพัฒนามาตรฐานและความปลอดภัยของแบตเตอรี่ผ่านความร่วมมือระหว่าง ABSN และ ULSE
เครือข่ายความปลอดภัยแบตเตอรี่อาเซียน (ASEAN Battery Safety Network: ABSN) ซึ่งก่อตั้งขึ้นในเดือนมกราคม พ.ศ. 2568 ร่วมมือกับ UL Standards & Engagement (ULSE) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อยกระดับความปลอดภัยของแบตเตอรี่ในภูมิภาคอาเซียน ULSE ในฐานะองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรที่มุ่งส่งเสริมความปลอดภัย มั่นคง และยั่งยืน จะนำความรู้ความเชี่ยวชาญด้านมาตรฐานและเครือข่ายผู้เชี่ยวชาญทั้งภายในและภายนอกองค์กร มาสนับสนุน ABSN ในการพัฒนากรอบความปลอดภัยและมาตรฐานการใช้งานแบตเตอรี่ที่เหมาะสมกับภูมิภาค ความร่วมมือครั้งนี้นับเป็นก้าวสำคัญต่อการขับเคลื่อนการใช้งานแบตเตอรี่อย่างปลอดภัย และสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพในอาเซียน
- ความร่วมมือระหว่าง Montavista กับ A*BTF และ ULSE
ความร่วมระหว่างบริษัท Montavista กับ A*STAR Battery Test Facility (A*BTF) และ UL Standards & Engagement (ULSE) มีวัตถุประสงค์ในการพัฒนามาตรฐานและการทดสอบสารเคมีแบตเตอรี่รุ่นใหม่ (Li-metal) เพื่อการใช้งานอย่างปลอดภัยทั้งในภูมิภาคและต่างประเทศ
การจัดเตรียมงาน ABTC 2026
ต่อยอดความสำเร็จของปีนี้ งานประชุมเทคโนโลยีแบตเตอรี่แห่งอาเซียน ครั้งที่ 4 (ABTC 2026) จะจัดขึ้นที่เมืองปีนัง ประเทศมาเลเซีย ซึ่งจะเข้ามามี บทบาทเพิ่มขึ้นในห่วงโซ่อุปทานระดับโลกของแบตเตอรี่ และความมุ่งมั่นในการพัฒนาโซลูชันพลังงานสะอาดของประเทศ งานประชุมในครั้งหน้าจะเป็นเวทีที่เปิดกว้างสำหรับการส่งเสริมนวัตกรรม การลงทุน และความร่วมมือทั้งในกลุ่มอาเซียนและระดับนานาชาติ
ข้อมูลเพิ่มเติมของงานสัมมนา สามารถดูเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์
# # # # #
เกี่ยวกับการประชุมเทคโนโลยีแบตเตอรี่ของอาเซียน (ABTC)
เป็นเวทีระดับแนวหน้าของภูมิภาคสำหรับการส่งเสริมนวัตกรรม ความปลอดภัย และความร่วมมือในด้านแบตเตอรี่ จัดขึ้นครั้งแรกในปี 2566 ที่บาหลี ประเทศอินโดนีเซีย โดยได้รับการสนับสนุนเบื้องต้นจากพันธมิตรในภูมิภาค ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อจากงาน ABEVTC เป็น ABTC เพื่อสะท้อนความมุ่งเน้นอย่างชัดเจนในด้านเทคโนโลยีแบตเตอรี่และบทบาทที่สำคัญสำหรับอนาคตด้านพลังงานของอาเซียน
การประชุม ABTC ก้าวเข้าสู่ปีที่ 3 และพิสูจน์แล้วว่า เป็นมากกว่าการประชุมวิชาการทั่วไป เพราะได้ยกระดับสู่ เวทีระดับภูมิภาคโดยรวมตัวผู้นำอุตสาหกรรม นักวิจัย ผู้กำหนดนโยบาย นักลงทุน และผู้เล่นสำคัญในห่วงโซ่คุณค่าอุตสาหกรรมแบตเตอรี่ทั้งภูมิภาค ไว้ในงานเดียวกัน เพื่อร่วมกันวางรากฐานสำหรับความร่วมมือระยะยาวที่มั่นคง
ในปี พ.ศ. 2568 งาน ABTC ครั้งที่ 3 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 27–29 สิงหาคม ณ จังหวัดภูเก็ต ประเทศไทย ได้มีการเปิดตัว เครือข่ายความปลอดภัยแบตเตอรี่อาเซียน (ASEAN Battery Safety Network: ABSN) ที่จะมีบทบาทหลักในการยกระดับมาตรฐานความปลอดภัย และเสริมสร้างความเชื่อมั่นในการใช้งานแบตเตอรี่ทั่วภูมิภาค นอกจากนี้ นอกจากนี้ ยังได้นำเสนอหัวข้อต่างๆ ที่กำหนดอนาคตอุตสาหกรรม ตั้งแต่นโยบายการส่งเสริมการลงทุน เทคโนโลยีแบตเตอรี่รุ่นใหม่ การกักเก็บพลังงานระยะยาว ประเด็นความปลอดภัย การรีไซเคิล ความยั่งยืน ตลอดจนภาพรวมตลาดในอาเซียน และกลไกสนับสนุนทางการเงิน โดยทั้งหมดนี้ มีเป้าหมายร่วมกันในการผลักดันให้อาเซียนก้าวขึ้นเป็นผู้เล่นสำคัญในห่วงโซ่คุณค่าของอุตสาหกรรมแบตเตอรี่โลกที่ปลอดภัย มั่นคง และยั่งยืน