วงปล่อยแก่ไทย เฮ คว้าเหรียญเงินแข่งขันดนตรีนานาชาติที่บาหลี อินโดนีเซีย ผจก.วงฯย้ำใช้โมเดล 13 วงต้นแบบก่อนขยายวงทุกจังหวัดทั่วไทย

ระหว่าง 29 กรกฎาคม ถึง 3 สิงหาคม 2568  วงปล่อยแก่ ตัวแทนประเทศไทย นำโดยรศ.ดร. สุกรี เจริญสุข อดีตคณบดีคณะดุริยางศาสตร์ ม.มหิดล ผู้ก่อตั้งและควบคุมวงนำนักดนตรีและทีมงานกว่า 30 ชีวิตเข้าร่วมการแข่งขันดนตรีนานาชาติที่เมืองบาหลี ประเทศอินโดนีเซีย จนสามารถคว้ารางวัลเหรียญเงินมาครองได้สำเร็จ

อ.สุพินดา มโนมัยพิบูลย์ ผู้จัดการมูลนิธิอาจารย์สุกรี เจริญสุขและผู้จัดการวงปล่อยกล่าวในรายการ”เกษตรวาไรตี้”ทางสถานีวิทยุม.ก.โดยย้อนอดีตให้ฟังว่าวงปล่อยแก่เริ่มก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2562 โดยมีจุดเริ่มต้นที่อ.บ้านคา จ.ราชบุรี เป็นวงแรก มีชื่อว่าวงปล่อยแก่บ้านคา ก่อนขยายไปยังจังหวัดต่าง ๆ ทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ   อาทิ วงปล่อยแก่เชียงใหม่ วงปล่อยแก่ยะลา วงปล่อยแก่ยะลา  ปัจจุบันเรามีวงปล่อยแก่อยู่ทั้งหมด 13 วงทั่วประเทศ

“ชื่อวงตั้งโดยอาจารย์สุกรี เจริญสุข ท่านมีเป้าหมายอยากให้ทุกคนสูงวัยมาอยู่ร่วมวงร่วมร้องเพลงกัน ได้ปลดปล่อยสลัดความแก่ออกไป ไม่ว่าจะอยู่ในสถานะใด เคยเป็นอะไรมาก่อนในอดีตบางคนเป็นข้าราชการบำนาญ  บางคนเป็นพ่อค้า บางคนเป็นชาวนาเมื่อมาอยู่ร่วมกัน เราก็อยู่ในสถานะเดียวกันคือสมาชิกวงปล่อยแก่”

ผู้จัดการวงปล่อยแก่กล่าวต่อว่า สำหรับอายุสมาชิกวงนั้นตั้งไว้ที่ 55 ปีขึ้นไป ถ้าเป็นข้าราชการหรืพนักงานบริษัทส่วนใหญ่ก็อยู่ในวัยเกษียณซึ่งบางคนก็ไม่เคยร้องเพลงเล่นดนตรีมาก่อน แต่พอมาอยู่ร่วมกับก็จะมีการฝึกฝนร้องเพลง มีครูดนตรีมาช่วยสอนทั้งทฤษฎี และภาคปฏิบัติ โดยมีมูลนิธิตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยให้การสนับสนุนค่าใช้จ่ายมาตั้งแต่ปี 2546 โดยเริ่มจากวงเด็กนักศึกษาคณะดุริยางศาสตร์ จนปัจจุบันก็ให้การสนับสนุนวงผู้ใหญ่สูงวัยที่มีชื่อว่าวงปล่อยแก่ด้วย

“อาจารย์สุกรี(เจริญสุข)มีความถนัดด้านดนตรีเริ่มจากเด็ก ๆ มาก่อนระยะหลังสังคมเมืองไทยมีคนสูงวัยมากขึ้น อาจาย์ก็มองว่าเราน่าจะทำวงคนสูงวัยด้วยไม่ใช่ทำดนตรีเด็กอย่างเดียว ฉะนั้นวันนี้มูลนิธิฯไม่ได้ทำเรื่องเด็กอย่างเดียว เราทำวงผู้ใหญ่ด้วยคู่ขนานกันไปก็คือวงปล่อยแก่”

อ.สุพินดาย้ำว่า เป้าหมายการทำวงปล่อยแก่ไม่ใช่แค่ ทำวงร้องประสานเสียอย่างเดียวยังมีการวิจัยควบคู่กันไปด้วย โดยได้รับทุนสนับสนุนวิจัยจากสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ(วช.)เพื่อถอดบทเรียนต่อยอดไปสู่ความยั่งยืนของวงและสมาชิกวง

 “จุดเริ่มต้นเราได้ทุนจากมูลนิธิตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยแต่ว่าทุนทรัพย์ได้มาเพื่อจ้างวิทยากรทำวง ระยะหลังเราได้ทุนวิจัยจากสำนักงานการวิจัยแห่งชาติเข้ามาซึ่งเป็นทุนทรัพย์ในการทำวงเพื่อจะต่อยอด”

 ผู้จัดการวงปล่อยแก่กล่าวด้วยว่า การทำวิจัยควบคู่กับการทำวงเพื่อดูวิธีการสร้างความยั่งยืน ดูการรวมพลังของสมาชิกในวง  ดูพัฒนาการไปเรื่อย ๆ จะเห็นว่าวงที่เกิดขึ้นระยะหลังไก้ผ่านการลองผิดลองถูกจากวงแรก ๆ มาแล้วนำมาปรับประยุกต์ใช้กับวงเกิดใหม่    ฉะนั้นการทำวงมันไม่ได้เกิดขึ้นแค่ว่าคนมาเรียนมีครูสอนแล้วจบแต่ยังมีส่วนประกอบต่าง ๆ อีกมากมายการที่จะทำให้วงอยู่ได้อย่างยั่งยืน

“วงต้องสร้างมูลค่าสร้างศักยภาพให้สามารถไปแสดงโชว์ในชุมชนในจังหวัดของท่านได้รับรู้แล้วเราต้องการให้หน่วยงานในพื้นที่มาโอบอุ้มนำวงปล่อยแก่ไปอยู่ในสังกัดของเขา แน่นอนมุลนิธิไม่สามารถดูแลทุกวงไปตลอดเป็นไปไม่ได้ เราต้องการให้เขายืนได้ด้วยตัวเองและมีหน่วยงานมารับช่วงต่อ โดยใช้ 13 วงเป็นโมเดล”อ.สุพินดากล่าวย้ำ     

ขณะที่ .อัทธ์ เสมาพงศ์ สมาชิกวงปล่อยแก่แห่งประเทศไทย อดีตผู้อำนวยการสำนักนโยบายและงบประมาณ สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ(วช.)ที่เกษียณชีวิจราชการมาได้ 1 ปีแล้ว ได้ร่วมเดินทางไปแข่งขันดนตรีนานาชาติที่เมืองบาหลี ประเทศอินโดนีเซียในครั้งนี้กล่าวเสริมว่า ปกติเป็นสมาชิกวงปล่อยแก่สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ(วช.)อยู่แล้ว และยังเป็นสมาชิกวงปล่อยแก่แห่งประเทศไทยที่เดินทางไปแสดงในงานดนตรีนานาชาติที่เมืองบาหลี ประเทศอินโดนีเซียในครั้งนี้ด้วย ก็รู้สึกตื่นเต้น เพราะเป็นการไปแสดงที่ต่างประเทศของตนและของวงด้วย

“ปกติก็เป็นสมาชิกวงปล่อยวช.อยู่แล้ว ไปเจอกันเดือนละ2 ครั้ง ซึ่งท่านผอ.วช.มองว่าอยากให้ทำวงปล่อยแก่เกิดขึ้นในองค์กรเพื่อให้คนที่เกษียณแล้วกลับมาในองค์กรและให้คนในองค์กรในวัยใกล้เกษียณได้เตรียมตัวเข้าสู่วัยเกษียณอย่างมีความสุข”สมาชิกวงปล่อยแก่ฯเผย

อ.อัทธ์กล่าวถึงการแสดงในเวทีนานาชาติที่บาหลีว่ามีต่างชาติเข้าร่วมการแข่งขัน 22 ชาติทั้งยุโรปและเอเชีย  กรรมการก็เป็นชาวต่างชาติทั้งหมด ส่วนเพลงที่นำมาร้องมี 2 เพลง ได้แก่เพลงงามแสงเดือนกับโอ้ไอเซย์ เพลงพระราชนิพนธ์ ในที่สุดเราก็สามารถคว้าเหรียญเงินมาได้ ส่วนเหรียญทองเป็นของวงปล่อยแก่เกาหลีใต้

“ครั้งแรกก็ไม่มั่นใจว่าเราจะสามารถฟอร์มวงกันได้ ร้องร่วมกันได้ เพราะอยู่คนละที่ คนละจังหวัด จะซ้อมกันทางออนไลน์เป็นหลักมาเจอกันแค่ครั้งเดียว แล้วก็เดินทางเลย ส่วนเหรียญทองเป็นของวงปล่อยแก่เกาหลี เขาอยู่ในกลุ่มยูนิตี้เดียวกัน สมาชิกทั้งหมดในกรุงโซลเจอกันบ่อยขณะที่เราเรียนออนไลน์ได้แค่นี้ก็ภูมิใจแล้วครับ”สมาชิกวงปล่อยแก่ เจ้าของเหรียญเงินกล่าวอย่างภูมิใจ