ทุเรียนไทยมาไกลถึง”ซินเจียง”

ทุกครั้งที่เดินทางไปต่างประเทศ
ไม่ว่าจะเรื่องงานหรือส่วนตัว
สิ่งที่ขาดไม่ได้จะต้องเดินสำรวจตลาดสินค้าเกษตรในตลาดเมืองนั้น
ครั้งนี้ก็เช่นกัน มีโอกาสร่วมทริปกับธ.ก.ส.
ในการพาเกษตรกรหัวขบวนจากทั่วประเทศ
มาดูงาน”เกษตรอัจฉริยะ”
ณ เขตปกครองตนเองซินเจียง
สาธารณรัฐประชาชนจีน
ระหว่าง 18-24 มิ.ย.68
มาครั้งนี้ถือโอกาสแว๊บออกจากคณะ
มาเดินสำรวจสินค้าเกษตรในตัวเมืองอุรุมฉี
เมืองเอกของซินเจียงอยู่ตะวันตกสุดของประเทศจีน
จากการเดินสำรวจพบว่าส่วนใหญ่จะเป็นผักผลไม้ท้องถิ่น อาทิ ทับทิม องุ่น บ๊วย มันหวาน ข้าวโพด เป็นต้น
นอกจากนี้ยังมีไม้ผลจากต่างถิ่นได้แก่ ลิ้นจี่พันธุ์สนมยิ้ม ส่งตรงมาจากกวางตุ้ง แหล่งผลิตหลักไม้ผลชนิดนี้
ลองได้ชิมดูปรากฎว่ารสชาตดีมากหอมหวาน อร่อย ที่สำคัญเม็ดลีบ เนื้อเยอะ ไม่ฉ่ำน้ำ เลยซื้อมาชิม 1 กิโล ราคาโลละ 10 หยวนตีเป็นเงินไทยก็ประมาณ 46 บาท
มีเรื่องเล่าที่มาของชื่อลิ้นจี่พันธุ์นี้ว่า มีเสียงร่ำลือว่ามีผลไม้ชนิดหนึ่งจากหัวเมืองทางใต้รสชาติอร่อยมาก องค์จักรพรรดิจึงสั่งให้ทหารไปเอามาให้นางสนมรับประทาน พอนางสนมได้ทานถึงกับยิ้มออกมา จึงเป็นที่มาของชื่อ”ลิ้นจี่สายพันธุ์สนมยิ้ม”
เดินมาอีกหน่อยก็เจอไม้ผลที่คุ้นเคยคือทุเรียน ลองสอบถามแม่ค้าได้ความว่าเป็นผลไม้จากประเทศไทย อดดีใจไม่ได้ จึงสอบถามแม่ค้าเจ้าของแผงทราบว่ารับมาจากพ่อค้าอีกทอดที่ไปซท้อมาจากตลาดกลางค้าส่งสินค้าเกษตร(ตลาดเจียงหนาน) ณ เมืองกวางโจว
จากนั้นแล้วขึ้นเครื่องบินมากระจายให้กับพ่อค้าแม่ค้ารายย่อยในเมืองอุรุมฉีและพื้นที่ใกล้เคียง ส่วนราคาขายเฉลี่ยอยผุ่ที่ 50-60 หยวน/กิโลหรือประมาณ 250-300 บาทไทย ขึ้นอยู่กับน้ำหนักเฉลี่ย 1.5-2.5 กิโล
จะสังเกตุได้ว่าเกือบทุกลูกสุกหมดแล้ว ส่งกลิ่นอบอวนไปทั่วบริเวณ แต่ก็อดดีใจไม่ได้เมื่อเห็นป้ายฉลากแปะติดอยู่ที่วิ้นทุเรียนแล้วเขียนว่า”product of Thailand” พร้อมคิวอาร์โค้ดตรวจสอบย้อมกลับจากแหล่งผลิต
ตอนแรกว่าจะซื้อลองมาชิมดูสักลูกว่ารสชาติที่นี่เหมือนกับที่เมืองไทยหรือไม๊ แต่พอเอามือล้วงกระเป็า
อุ้ย…ตายว้ายกรี๊ดดดดมีเงินติดกระเป๋ามาแค่ 50 หยวนเอง จึงเปลี่ยนใจมาซื้อลิ้นจี่พันธุ์สนมยิ้มแทนมาลองชิมผลไม้บ้านเขาบ้าง
แต่ก็อดดีใจไม่ได้ ในพื้นที่ห่างไกลของประเทศจีนยังมีทุเรียนไทยวางขายแล้วจะมีที่ไหนบนโลกใบนี้ที่ทุเรียนไทยไปไม่ถึง!

