ชาวสวนยางทั่วประเทศผนึกกำลังเลื่อนการเปิดกรีด กยท.มั่นใจจะทำให้ราคาเพิ่มขึ้นอย่างมีเสถียรภาพ


เกษตรกรชาวสวนยางผนึกกำลังตบเท้าเลื่อนการกรีดยางออกไป 
1 เดือนตามมาตรการ ของ กยท.  เผยมีการใช้ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐอเมริกามาบิดเบือนตลาด ทั้งที่ยังไม่มีผลบังคับใช้ และความต้องการใช้ยางยังมากกว่าปริมาณผลผลิตอีกด้วย  กยท.มั่นใจราคาจะกลับมามีเสถียรภาพและราคาสูงขึ้นอย่างเป็นธรรมแน่นอน

                  ดร.เพิก เลิศวังพง ประธานกรรมการการยางแห่งประเทศไทย (ประธานบอร์ด กยท.) เปิดเผยว่า  มาตรการเลื่อนฤดูกาลเปิดกรีดยางออกไป 1 เดือนดังกล่าว ได้รับความร่วมมืออย่างดีจากเครือข่ายสถาบันเกษตรกรชาวสวนยาง  ซึ่งไม่ใช่เป็นมาตรการโต้ตอบ  แต่เป็นการปกป้องตัวเอง เพื่อให้เกิดเสถียรภาพในระบบยางพาราอย่างยั่งยืน เนื่องจากราคายางที่ลดลงในช่วงที่ผ่านมา เกิดจากการตื่นตระหนกในกลุ่มผู้ประกอบการและนักลงทุนบางกลุ่มในตลาดซื้อขายยางล่วงหน้า จากการประกาศนโยบายด้านภาษีของสหรัฐอเมริกา เป็นการบิดเบือนตลาด ทั้งๆที่ปริมาณความต้องการใช้ยางทั่วโลกมีมากกว่าปริมาณผลผลิตยางประมาณ 2%  และสต๊อกยางทั่วโลกก็ไม่มีสำรองไว้อีกด้วย

นอกจากนี้การที่สหรัฐอเมริกาเลื่อนการบังคับการขึ้นภาษีนำเข้าออกไปอีก  90  วัน ยิ่งจะทำให้ผู้นำเข้ายางในสหรัฐอเมริกา ต้องใช้ระยะเวลาในช่วงนี้เร่งสั่งซื้อยางเพิ่มมากขึ้น  แต่เมื่อประเทศไทยซึ่งเป็นประเทศผู้ผลิตยางรายใหญ่ที่สุดในโลกประกาศหยุดกรีด เท่ากับเป็นการลดอุปทานทำให้ปริมาณยางส่วนหนึ่งหายไปจากตลาดโลก   ในขณะที่อุปสงค์หรือความต้องการใช้ยางเพิ่มขึ้น  ทั้งนี้คาดว่า การเลื่อนเปิดกรีดยางออกไป 1 เดือน จะทำให้ปริมาณยางตลาดขาดหายไปอีกประมาณ 150,000 – 300,000 ตัน จากปัจจุบันปริมาณยางก็มีน้อยกว่าความต้องการอยู่แล้ว  กยท.มั่นใจว่า เมื่อถึงเดือนมิถุนายน 2568 ที่เกษตรกรจะเปิดกรีดยางราคายางจะปรับตัวสูงขึ้นมากกว่าราคาในปัจจุบันอย่างแน่นอน  แต่ถ้าราคายางไม่กลับมาในระดับที่ควรเป็นแล้ว กยท.จะมีการดำเนินมาตรการต่าง ๆ อย่างเต็มรูปแบบ  เพื่อคืนราคายางที่เป็นธรรมให้เกษตรกรชาวสวนยาง 

อย่างไรก็ตามราคายางล่าสุดเริ่มมีแนวโน้มที่ดีขึ้นแล้ว  หลังสิ้นเดือนเมษายน 2568  ยางแผ่นรมควันชั้น3 (FOB) เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่กิโลกรัมละ 78.14 บาทต่อกิโลกรัม จากที่เคยลดลงไปอยู่ที่ 68.43 บาทต่อกิโลกรัม เมื่อวันที่ 8 เมษายน 2568  และคาดว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

นายสุขทัศน์ ต่างวิริยกุล รักษาการแทนผู้ว่าการ กยทเปิดเผยว่า   ช่วงระหว่างเลื่อนการเปิดกรีดยาง กยท.จะเข้าไปสนับสนุนและถ่ายทอดองค์ความรู้ในการบำรุงรักษาสวนยางให้แข็งแรงสมบูรณ์ เพื่อเพิ่มปริมาณผลผลิตด้วยการใส่ปุ๋ยบำรุง น้ำหมักชีวภาพจากปลาหมอคางดำ ตลอดจนการนำนวัตกรรมฮอร์โมนเอทธิลีนมาใช้ในสวนยางอย่างถูกต้อง  ซึ่งจะสามารถเพิ่มผลผลิตได้มากกว่าเดิมถึง 2 เท่า   พร้อมทั้ง ได้ดำเนินมาตรการช่วยเหลือแก่สถาบันเกษตรกรเพื่อจัดหาปัจจัยการผลิต (ปุ๋ยบำรุง) โดยสนับสนุนเงินกู้จากกองทุนพัฒนายางพารา มาตรา 49(3) แก่สถาบันเกษตรกรชาวสวนยาง ผ่านโครงการสินเชื่อระยะสั้น สำหรับสถาบันเกษตรกรชาวสวนยางเพื่อจัดหาปัจจัยการผลิตในการเพิ่มผลผลิตและลดต้นทุนการผลิตยางพารา ซึ่งสถาบันเกษตรกรสามารถยื่นสิทธิ์ขอกู้ได้สถาบันละ 1 สัญญา วงเงินไม่เกิน 5 ล้านบาทต่อสัญญา อัตราดอกเบี้ยร้อยละศูนย์ เป็นระยะเวลา 4 เดือน (เริ่มตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2568 เป็นต้นไป) ซึ่งจะช่วยสถาบันเกษตรกรฯ ที่เข้าร่วมโครงการฯ สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุน เพื่อจัดหาปุ๋ยหรือปัจจัยการผลิตที่มีคุณภาพ ราคาถูก จำหน่ายให้สมาชิกและเกษตรกรในพื้นที่ เป็นการช่วยลดต้นทุน เพิ่มปริมาณผลผลิตยาง และยกระดับรายได้ให้เกษตรกรฯ ได้ในอนาคต สอดคล้องกับนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่มุ่งยกระดับศักยภาพของเกษตรกรชาวสวนยางและสถาบันเกษตรกรให้มีความเข้มแข็ง ยั่งยืน และสามารถแข่งขันได้ในตลาดโลก

ส่วนเกษตรกรที่เปิดกรีดยางแล้ว  ได้ขอความร่วมมือให้นำยางมาเข้าร่วมโครงการชะลอการขายยางของสถาบันเกษตรกรชาวสวนยาง ซึ่ง กยท. จะดำเนินการอย่างต่อเนื่อง เพื่อรักษาเสถียรภาพราคายางในระยะยาว นอกจากนี้ กยท.จะดำเนินการเจรจากับผู้ประกอบการจีน ขับเคลื่อนเรื่องการลดภาษีนำเข้ายางจากไทย ภายใต้ความร่วมมือสมาคมการค้าส่งเสริมและพัฒนาธุรกิจ 6 ประเทศลุ่มแม่น้ำโขง ซึ่งเป็นการส่งเสริมการส่งออก ช่วยเพิ่มโอกาสทางการค้าให้ราคายางปรับตัวดีขึ้น

นายสวัสดิ์ ลาดปาละ รองประธานเครือข่ายสถาบันเกษตรกรชาวสวนยาง การยางแห่งประเทศไทย(กยท.) ระดับประเทศ  เปิดเผยว่า  เกษตรกรที่เป็นสมาชิกของเครือข่ายสถาบันเกษตรกรชาวสวนยาง พร้อมให้ความร่วมมือกับ กยท.ในการดำเนินการตาม มาตรการเลื่อนฤดูกาลเปิดกรีดยางออกไป 1 เดือน ของ กยท.  ที่จากเดิมเกษตรกรจะเริ่มเปิดกรีดในเดือนพฤษภาคม 2568 เลื่อนไปทำการเปิดกรีดในเดือนมิถุนายน 2568  ซึ่งเกษตรกรชาวสวนยางในปัจจุบันมีความเข้มแข็งเพียงพอที่จะสามารถขับเคลื่อนมาตรการดังกล่าวให้ประสบผลสำเร็จ เพื่อผลักดันราคายางพาราให้สูงขึ้นได้อย่างแน่นอน เนื่องจากปริมาณความต้องการใช้ยางมีปริมาณมากกว่าปริมาณยางที่ผลิตได้ ตามกลไกทางการตลาดแล้วราคายางจะต้องเพิ่มขึ้น

นายสมจิต  คล้ายประสงค์   นายกสมาคมผู้ผลิตยางแผ่นรมควันภาคใต้  เปิดเผยว่า  ภายหลังจากสหรัฐอเมริกา ประกาศขึ้นภาษีนำเข้ากับประเทศไทย 36%  โรงงานที่รับซื้อยางประกาศลดราคารับซื้อลงทันที 10 บาทต่อกิโลกรัม ทั้งๆที่สหรัฐอเมริกได้เลื่อนการบังคับใช้ออกไปอีก 90 วัน  การที่โรงงงานผลักภาระให้เกษตรกรฝายเดียวเช่นนี้ไม่ถูกต้องและไม่เป็นธรรม ดังนั้นทางสมาคมฯและเครือข่ายจะร่วมดำเนินการตามมาตรการของ กยท. โดยชะลอการเปิดโรงรมยางออกไปอีก 1 เดือน   เพื่อให้สอดคล้องกับเกษตรกรที่เลื่อนการเปิดกรีดยาง   สมาคมฯและเครื่อข่ายมั่นใจว่า  มาตรการดังกล่าวของ กยท.จะทำให้ราคายางเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน     ทั้งนี้จะไปเปิดโรงรมในเดือนมิถุนายน 2568